สถานการณ์แบบไหน…ที่ พ.ร.บ. รถยนต์ อาจไม่พอ? รู้ไว้ก่อนเจอเหตุไม่คาดฝัน
พ.ร.บ. รถยนต์เป็นประกันภัยภาคบังคับที่รถยนต์ทุกคันต้องมี เพื่อให้สามารถต่อภาษีรถยนต์ประจำปีได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยให้ความคุ้มครองเฉพาะผู้ประสบภัยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน คุ้มครองเฉพาะค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยเบื้องต้นเท่านั้น ไม่คุ้มครองทรัพย์สิน หรือความเสียหายของตัวรถเอง ไม่ว่าจะเป็นรถของคุณหรือของคู่กรณี
หากเกิดอุบัติเหตุแล้วคุณเป็นฝ่ายผิด คุณจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าซ่อมรถของคู่กรณี ค่ารักษาพยาบาลของเขา หรือแม้แต่ค่าซ่อมรถของคุณเอง ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้สามารถสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะหากเป็นรถรุ่นใหม่ หรือรถหรูมูลค่าสูง การมีเพียง พ.ร.บ. อย่างเดียวจึงไม่สามารถช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่ตามมาได้เลย
รถยนต์ใหม่ป้ายแดงหรือรถที่ยังมีภาระผ่อนชำระกับไฟแนนซ์ยิ่งควรพิจารณาทำประกันชั้น 1 ซึ่งเป็นประกันที่ครอบคลุมมากที่สุด เพราะหากเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก ประกันก็จะช่วยดูแลค่าซ่อมรถของคุณ โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีคู่กรณี เช่น ขับไปชนเสา ชนต้นไม้ หรือเกิดเหตุจากภัยธรรมชาติ รถไฟไหม้ หรือรถหาย ซึ่งล้วนเป็นกรณีที่ พ.ร.บ. ไม่ครอบคลุมเลยแม้แต่น้อย
หากคุณเป็นคนที่ต้องใช้รถทุกวัน ขับรถเข้าเมือง หรือต้องเดินทางไกลบ่อย ๆ ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการชนท้ายเล็กน้อย รถเฉี่ยว รอยขีดข่วน หรือแม้แต่เหตุร้ายแรง การมีประกันชั้น 1 หรือประกันชั้น 2+ จะช่วยรับภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถแทนคุณ โดยเฉพาะในกรณีที่มีคู่กรณีและคุณเป็นฝ่ายถูก ระบบประกันจะช่วยให้คุณได้รับการชดเชยที่เหมาะสมโดยไม่ต้องวุ่นวายกับขั้นตอนทางกฎหมายหรือเจรจาเอง
ในกรณีที่คุณเดินทางพร้อมผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกในครอบครัว เพื่อน หรือผู้ร่วมงาน พ.ร.บ. จะให้ความคุ้มครองผู้โดยสารเพียงในระดับพื้นฐานเท่านั้น และมีวงเงินจำกัด การเกิดอุบัติเหตุที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนอาจทำให้ค่าใช้จ่ายพุ่งสูงเกินวงเงินที่ พ.ร.บ. จ่ายได้ การทำประกันภัยเพิ่มเติมจะช่วยคุ้มครองผู้โดยสารของคุณได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น ทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยรายได้ และกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร
บางครั้ง อุบัติเหตุเล็กน้อย เช่น การเฉี่ยวชนในลานจอดรถ การถูกรถมอเตอร์ไซค์ชนกระจกมองข้าง หรือรถถูกเฉี่ยวโดยที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับผิด เป็นสถานการณ์ที่ทำให้เจ้าของรถรู้สึกเครียดและเสียเวลาอย่างมาก หากไม่มีประกัน ต้องจัดการทุกอย่างเอง ทั้งแจ้งความ ประเมินค่าเสียหาย ติดต่อซ่อม และตามเรื่องกับคู่กรณี แต่หากมีประกันภัยรถยนต์ บริษัทประกันจะเข้ามาช่วยเหลือทันที ทั้งในด้านเอกสาร การเจรจา การส่งรถเข้าซ่อม และการจ่ายค่าชดเชย ทำให้คุณประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากได้อย่างมาก
หากเกิดเหตุไม่คาดคิดในเวลาที่คุณไม่พร้อม เช่น รถชนกลางดึก ฝนตกหนัก หรือไม่มีเงินสำรองฉุกเฉินไว้ซ่อมรถ ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่จากการซ่อมรถอาจกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งประกันภัยจะทำหน้าที่เป็นตัวช่วยสำรองจ่ายแทนคุณในเวลาที่จำเป็นมากที่สุด
ในโลกความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกคนจะรับผิดชอบเสมอไป หลายกรณีเกิดการชนแล้วหนี หรือคู่กรณีไม่มีประกัน ไม่สามารถชดใช้ได้ตามสมควร การมีประกันชั้นที่ครอบคลุม เช่น ชั้น 1 หรือ 2+ จะช่วยให้คุณไม่ต้องไล่ตามความเสียหายจากผู้ที่ไม่พร้อมจ่าย เพราะบริษัทประกันจะดูแลแทนในส่วนนี้ทันที
