ประกันรถยนต์ 2+ กับ 3+ ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนให้เหมาะกับรถและการใช้งานของคุณ

ประกันรถยนต์ 2+ กับ 3+ ต่างกันอย่างไร

ประกันรถยนต์ 2+ กับ 3+ ต่างกันอย่างไร เลือกอย่างไรให้เหมาะกับรถของคุณ
ประกันรถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิด หลายคนที่มองหาทางเลือกนอกจากประกันชั้น 1 มักสนใจประกันชั้น 2+ และ 3+ เพราะราคาย่อมเยากว่า แต่ความคุ้มครองก็มีความแตกต่างกัน ซึ่งจำเป็นต้องเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานรถของคุณ

ประกันรถยนต์ชั้น 2+
ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงประกันชั้น 1 โดยเฉพาะในกรณีที่รถของผู้เอาประกันเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ ซึ่งจะได้รับการคุ้มครองเมื่อมีคู่กรณีเป็น “ยานพาหนะทางบก” เท่านั้น เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือรถบรรทุก เป็นต้น

นอกจากความเสียหายต่อตัวรถ ยังครอบคลุมความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก หากอุบัติเหตุนั้นทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต หรือทรัพย์สินเสียหาย บริษัทประกันจะรับผิดชอบตามวงเงินประกัน

ประกันชั้น 2+ ยังคุ้มครองกรณีรถสูญหายหรือไฟไหม้ ไม่ว่าจะเกิดจากการโจรกรรม การปล้น หรืออุบัติเหตุที่ทำให้รถเกิดเพลิงไหม้ ถือว่าเป็นความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากในราคาที่ประหยัดกว่าชั้น 1

กรณีที่ไม่มีคู่กรณี เช่น ขับรถชนต้นไม้ เสา หรือขอบฟุตบาท จะไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันชั้น 2+ เช่นเดียวกัน หากชนกับรถแต่ไม่มีหลักฐานหรือคู่กรณีหลบหนี ก็อาจไม่ได้รับความคุ้มครองด้วย

ประกันชั้น 2+ จึงเหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานมาสักระยะหนึ่ง เช่น อายุประมาณ 4-7 ปี เจ้าของรถมีประสบการณ์ในการขับขี่ ใช้งานรถในระยะทางไม่ไกล และต้องการประกันที่ให้ความคุ้มครองค่อนข้างครบในราคาประหยัด

ประกันรถยนต์ชั้น 3+
ประกันรถยนต์ชั้น 3+ เน้นความคุ้มครองพื้นฐานในราคาย่อมเยา เหมาะสำหรับรถยนต์ที่มีอายุใช้งานมาก หรือเจ้าของรถต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายจากเบี้ยประกัน

ความคุ้มครองของประกันชั้น 3+ จะครอบคลุมความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก รวมถึงความเสียหายต่อรถของผู้เอาประกันในกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบก และต้องมีคู่กรณีชัดเจนเช่นเดียวกับประกันชั้น 2+

แต่ประกันชั้น 3+ ไม่คุ้มครองกรณีรถหายหรือไฟไหม้ ดังนั้น หากรถถูกขโมย หรือเกิดเพลิงไหม้โดยอุบัติเหตุ จะไม่ได้รับความช่วยเหลือในส่วนนี้

ประกันชั้น 3+ เหมาะกับรถยนต์ที่ใช้งานนานหลายปี มีสภาพการใช้งานที่ไม่เข้มข้น หรือใช้ขับขี่น้อย เน้นจอดมากกว่าขับ โดยเฉพาะหากจอดไว้ในที่ปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการโจรกรรมหรือเพลิงไหม้ นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีความชำนาญในการขับรถ และไม่ค่อยมีประวัติการเคลมบ่อย ๆ

ความแตกต่างสำคัญระหว่างประกันชั้น 2+ และ 3+
ประกันชั้น 2+ คุ้มครองรถของผู้เอาประกันกรณีไฟไหม้หรือสูญหาย ส่วนชั้น 3+ ไม่ครอบคลุมในส่วนนี้

ทั้งสองชั้นคุ้มครองรถของผู้เอาประกันกรณีชนกับรถอื่น แต่ต้องมีคู่กรณีที่ชัดเจนเท่านั้น

ชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองที่มากกว่า แต่มีเบี้ยประกันที่สูงกว่าชั้น 3+ เล็กน้อย

หากคุณต้องการความคุ้มครองใกล้เคียงชั้น 1 โดยไม่ต้องจ่ายเบี้ยสูง ชั้น 2+ จะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า

หากคุณเน้นความประหยัด และใช้รถน้อย ชั้น 3+ อาจตอบโจทย์มากกว่า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *