เคลมแห้ง VS เคลมสด พร้อมกรณีตัวอย่างแบบง่าย ๆ

เคลมแห้ง VS เคลมสด

รู้หรือไม่ ว่าการเคลมนั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1. เคลมแห้ง 

2.เคลมสด

แล้วอะไรคือ เคลมแห้ง เคลมสด ทั้ง 2 อย่างนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร เราจะมาทำตารางให้ดูกันง่ายๆ นะคะ by easyinsure.co.th

เคลมสด

แจ้งทันทีที่เกิดเหตุ 
มีเจ้าหน้าที่เซอร์เวย์ เข้าตรวจสอบทันที

เคลมแห้ง

แจ้งหลังจากที่ผ่านเวลาเกิดเหตุมาสักพักแล้ว 
เหตุที่เกิดโดยไม่ทราบสาเหตุ และไม่ได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ 
เหตุที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ แต่ต้องการให้รถกลับมาอยู่ในสภาพดีดังเดิม

จะเห็นได้ว่า การเคลมสด คือ การเคลม หรือการเรียกร้องขณะเกิดเหตุทันที อย่างเช่น การขับรถชนกันบนท้องถนน ที่ต่างฝ่ายมักจะโทรเรียกบริษัทประกันภัยมาเพื่อเคลีย เป็นต้น ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ในกรณีที่เหตุการณ์การชนนั้นได้รับความเสียหายที่ค่อนข้างร้ายแรง หรือในกรณีที่ทำ ประกันภัยชั้น 2+ หรือ 3+ ที่การเคลมจะต้องเป็นการเคลมสดเท่านั้น
ในขณะที่การเคลมแห้ง จะหมายถึง การเคลมที่มีการแจ้งเคลม หลังจากเกิดเหตุมาสักพักแล้ว เช่น ขับรถไปครูดใบไม้เป็นรอยเล็กน้อย เราอาจะยังไม่แจ้งเคลมทันที แต่รอเวลาว่าง หรืออาจจะรอเคลมพร้อมกันหลายรอยในรอบเดียว เป็นต้น

หากแต่ว่า การเคลมแห้ง หรือที่มีอีกชื่อ หนึ่งว่า บิวตี้เคลม ซึ่งหมายถึงการเคลมเพื่อความสวยงามนั้น ในบางครั้งอาจจะมีการเรียกค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) จำนวน 1,000 บาท/แผล หรือ 1,000 บาท/เหตุการณ์ โดยการคิดค่าเสียหายส่วนแรกในกรณีนี้จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ บริษัทประกันภัยรถยนต์
ดังนั้นแล้วเมื่อลูกค้าเกิดอุบัติเหตุ ควรพิจารณาดูว่าควรแจ้งเคลมในรูปแบบไหน ควรจะเป็นการเคลมสด หรือเคลมแห้ง ซึ่งในบางครั้งเมื่อลูกค้าเห็นว่ารถเป็นรอยแค่เพียงเล็กน้อย ก็อาจจะคิดว่า ไม่จำเป็นต้องแจ้งเคลม รอไว้แจ้งเคลมในครั้งเดียวไปเลย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาในการใช้รถ ก็อาจจะทำได้เช่นเดียวกัน หรือหากเป็นรอยที่ค่อนข้างเยอะ ก็อาจจะโทรเรียก บริษัทประกันภัย

เพื่อให้มาดูที่เกิดเหตุ ซึ่งอาจจะมีการเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรกในบางกรณี เนื่องจากเป็นการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี หรืออาจจะไม่มีการเรียกเก็บค่าเสียหายเลยก็ไปได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับ ประวัติการทำประกันภัย ประวัติการเคลมของลูกค้า และดุลยพินิจ หรือนโยบายของบริษัทประกันภัยนั้นๆ ประกอบกันในการพิจารณาเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรก

นำเสนอโดย easyinsure.co.th