รู้ก่อนได้เปรียบ! 3 เรื่องสำคัญเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ที่น้อยคนจะรู้
เพราะอุบัติเหตุเป็นเรื่องไม่แน่นอน และมักนำมาซึ่งค่าใช้จ่ายมหาศาล ดังนั้น เพื่อคุ้มครองค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุบนท้องถนน การทำประกันภัยรถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกดี ๆ ที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการได้ แต่อย่างไรก็ดี เจ้าของรถยนต์หลาย ๆ คนอาจมองว่า การซื้อประกันรถยนต์ โดยเฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 นั้นสามารถช่วยคุ้มครองทุกอุบัติเหตุและค่าใช้จ่ายได้อย่างครอบคลุม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมทุกค่าใช้จ่ายอาจไม่คุ้มครองทุกเรื่องอย่างที่เราเข้าใจกันก็ได้
ดังนั้น เพื่อให้ทุกคนได้เลือกเปรียบเทียบประกันรถยนต์และซื้อประกันที่ตอบโจทย์ตัวเองได้มากขึ้น วันนี้เราจะขอพาเจ้าของรถยนต์ทุกคนไปรู้จักกับ 3 เรื่องสำคัญ เกี่ยวกับการคุ้มครองของประกันรถยนต์ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้มาฝาก แต่จะเป็นอย่างไรนั้น รัดเข็มขัดแล้วใส่เกียร์ตามมาดูด้วยกันเลย
เรื่องที่ 1 : เงื่อนไขการซ่อมรถยนต์กับประกันรถยนต์
เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น การรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอาจเป็นเรื่องของการพิจารณาว่าใครเป็นฝ่ายถูกผิด แต่หากต้องซ่อมรถยนต์ที่เสียหาย แน่นอนว่าบริษัทประกันรถยนต์จะเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาด้วยเสมอ
กรณีการซ่อมที่ 1:
หากรถยนต์ต้องมีการเปลี่ยนอะไหล่ ผู้เอาประกันอย่างเรา ๆ ก็มีทางเลือกในการซ่อมแซมเช่นกัน โดยเราสามารถเลือกได้ว่า
- จะสำรองเงินเพื่อจัดหาและซื้ออะไหล่เอง จากนั้นก็มาเบิกประกันภัยรถยนต์ ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ใน
กรรมธรรม์ - เรียกร้องเป็นเงินตามราคาประเมิน จากนั้นจึงสามารถนำไปจัดหาอะไหล่เองได้
กรณีการซ่อมที่ 2:
หากรถยนต์ของเราได้ทำการแต่ง หรือเสริมอุปกรณ์ใด ๆ ก่อนที่จะซื้อประกันรถยนต์ โดยส่วนใหญ่แล้ว ประกันรถยนต์จะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ตลอดจนการซ่อมแซมชิ้นส่วนอื่น ๆ นอกเหนือจากที่ทำประกันไว้ ดังนั้น หากใครเป็นสายแต่งรถยนต์ อย่าลืมสอบถามรายละเอียดจากประกันรถยนต์ที่สนใจ จะได้เคลียร์ให้หายข้อสงสัยก่อนตัดสินใจซื้อ
กรณีการซ่อมที่ 3:
หลายคนอาจมองว่า การซื้อประกันรถยนต์แบบออนไลน์อาจได้การคุ้มครองที่ไม่ครอบคลุม เพราะหากรถยนต์เกิดอุบัติเหตุกลางทาง หรือจำเป็นต้องใช้รถยก ผู้เอาประกันจะต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วยตัวเอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะซื้อประกันภัยรถยนต์จากช่องทางไหน บริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบการยกรถยนต์ที่เสียหายไปซ่อมอยู่แล้ว ซึ่งก่อนตัดสินใจซื้อประกันทุกครั้ง อย่าลืมสอบถามเรื่องนี้ให้ชัดเจนเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นด้วยนะ
เรื่องที่ 2 : เงื่อนไขที่ประกันรถยนต์มักไม่คุ้มครอง
เจ้าของรถยนต์หลาย ๆ คนอาจมองว่า การมีประกันภัยรถยนต์ติดรถไว้จะช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากอุบัติเหตุได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ประกันรถยนต์เองก็มีเงื่อนไขที่ไม่สามารถให้ความคุ้มครองได้เช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้ว กรณีที่ประกันรถยนต์จะไม่คุ้มครองนั้นจะประกอบไปด้วย
กรณีที่ 1 : ขับรถชนขณะมึนเมา
เมื่อพูดถึงความมึนเมา หลาย ๆ คนอาจเริ่มตั้งคำถามถึงระดับแอลกอฮอล์ที่สามารถวัดได้ขณะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งโดยส่วนมาก ประกันรถยนต์จะไม่คุ้มครองในกรณีที่มีแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างไรก็ดี ผู้ขับขี่ก็ควรงดเว้นการดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับขี่เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุก็จะดีที่สุด
กรณีที่ 2 : การขับขี่โดยไม่มีใบขับขี่
หากผู้ขับขี่คนไหนขับรถยนต์ออกไปโดยไม่มีใบขับขี่ ประกันรถยนต์ก็จะไม่คุ้มครองความเสียหายทันที ยกเว้นในกรณีที่ผู้เอาประกันซื้อประกันรถยนต์ไว้โดยระบุชื่อคนขับ
กรณีที่ 3 : ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากรถยก หรือ รถลากจูง
เมื่อรถยนต์เกิดอุบัติเหตุ และจำเป็นจะต้องใช้รถยก หรือ รถลากจูงไปซ่อมยังอู่รถยนต์ที่ระบุในประกัน จริงอยู่ว่าบริษัทประกันรถยนต์นั้นจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายรถยกต่าง ๆ ให้ แต่หากระหว่างการนำส่ง รถยกเกิดอุบัติเหตุขึ้น และสร้างความเสียหายให้กับรถยนต์ของเราเพิ่มเติม โดยส่วนมากแล้ว ผู้เอาประกันจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในส่วนนี้แทน ดังนั้น เราจึงเห็นได้ว่าในหลาย ๆ ครั้ง เจ้าของรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุมักจะเรียกรถมาขับตามรถยกอีกที
เรื่องที่ 3 : เงื่อนไขการชดเชยค่าเสียหายที่หลายคนไม่รู้
เมื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์และเลือกซื้อประกันที่เหมาะกับรถยนต์และความต้องการของตัวเองแล้ว หลาย ๆ คนอาจมองว่า ประกันส่วนใหญ่จะให้ความคุ้มครองในเรื่องของความเสียหายของรถยนต์ สุขภาพ และชีวิตเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้ว ประกันภัยรถยนต์ยังมีการชดเชยค่าเสียหายอื่น ๆ ที่หลายคนยังไม่รู้อีกด้วย ซึ่งการชดเชยค่าเสียหายนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กรณี คือ
กรณีการชดเชยที่ 1:
สำหรับผู้ที่ทำประกันรถยนต์ และไม่ได้กำหนดค่าเสียหายส่วนแรกเอาไว้ รู้หรือไม่? หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นโดยไม่มีคู่กรณี ส่วนใหญ่แล้ว เราจะต้องจ่ายเสียหายส่วนแรกเพียง 1,000 บาทเท่านั้น
กรณีการชดเชยที่ 2:
เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น เจ้าของรถยนต์หลายคนอาจอุ่นใจที่มีประกันภัยรถยนต์ติดรถเอาไว้ เพราะไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุแค่ไหนก็สามารถซ่อมได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว หากรถยนต์คันที่ทำประกันไว้มีความเสียหายหนักมาก จนไม่สามารถซ่อมให้กลับมาขับขี่ได้ หรือจำเป็นต้องซ่อมเกิด 70% ของมูลค่ารถยนต์ ส่วนใหญ่แล้ว ประกันภัยรถยนต์จะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เต็มทุนประกัน แต่หากเสียหายตั้งแต่ 80% ขึ้นไป สิทธิ์ของรถยนต์คันดังกล่าวจะเป็นของบริษัทประกันทันที
เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ก่อนซื้อประกันรถยนต์ทุกครั้ง เจ้าของรถยนต์และผู้เอาประกันควรเช็กรายละเอียดเพื่อเลือกประกันที่ตรงกับความต้องการและครอบคลุมการคุ้มครองอุบัติเหตุกันด้วย แต่ถ้าหากใครกำลังมองหาประกันรถยนต์แบบออนไลน์ที่ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ และสามารถเลือกความคุ้มครองได้ในงบประมาณที่ใช่ ‘อีซี่ อินชัวร์’ มาพร้อมกับประกันรถยนต์ชั้น 1 ออนไลน์จากบริษัทประกันชั้นนำให้ทุกคนได้เลือกในโปรโมชันพิเศษเช่นเดียวกัน หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน และขอให้ขับขี่กันอย่างปลอดภัยด้วยนะ