ดูก่อนซื้อ! รวม 4 ปัจจัยสำคัญที่ต้องเช็กให้ดีก่อนซื้อประกันสุขภาพ
เพราะปัญหาสุขภาพเป็นเรื่องไม่แน่นอน และในบางกรณีกว่าจะรู้ว่าเป็นโรคร้ายก็สายเกินไปที่จะรักษา ดังนั้น นอกจากจะเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ และหมั่นออกกำลังกายอย่างเป็นประจำแล้ว การมองหาประกันสุขภาพแบบต่าง ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกดี ๆ ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนกับหลักประกันที่ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจหากต้องเจ็บป่วยขึ้นมาจริง ๆ แต่ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพตามแพลตฟอร์มออนไลน์แบบต่าง ๆ เรามาพิจารณาถึง 4 ปัจจัยสำคัญ ที่ต้องเช็กให้ดีก่อนทำประกันเพื่อสุขภาพ แต่จะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น มาพิจารณาแต่ละปัจจัยไปพร้อมกันได้เลย
ปัจจัยที่ 1 : พิจารณาเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายก่อน
เมื่อพูดถึงการซื้อประกันสุขภาพ หลาย ๆ คนอาจแนะนำให้พิจารณาถึงรายละเอียดความคุ้มครอง ตลอดจนเงื่อนไขของกรมธรรม์ และความน่าเชื่อถือของผู้ขายประกันเป็นลำดับแรก แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งแรกที่ผู้เอาประกันอย่างเรา ๆ ต้องพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อก็คือ เรื่องของงบประมาณในการจ่ายค่าเบี้ยประกันที่เรารับไหว
เพราะลองคิดดูง่าย ๆ ต่อให้เราเลือกซื้อประกันสุขภาพที่มีความคุ้มครองที่คุ้มค่า และครอบคลุมถึงโรคร้ายต่าง ๆ แต่ถ้าหากเราไม่มีกำลังทรัพย์ที่จะส่งประกันอย่างต่อเนื่อง เราอาจไม่ได้รับความคุ้มครองในแบบที่ตั้งใจเอาไว้ อีกทั้งยังอาจต้องเสียเงินหลายต่อโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย ดังนั้น อย่าลืมประมาณกำลังและตั้งงบประมาณก่อนการซื้อ จากนั้นจึงค่อยตัดสินใจดูเงื่อนไขและกรมธรรม์ที่ในวงเงินที่ต้องการ
ปัจจัยที่ 2 : เช็กให้ดี! ประกันสุขภาพที่สนใจเบิกอะไรได้บ้าง
มือใหม่หัดทำประกันหลาย ๆ คนอาจมองว่า ประกันสุขภาพทุกตัวมีรายละเอียดที่เหมือนกันหมด อีกทั้งยังสามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายการรักษาโรคต่าง ๆ ได้อยู่แล้ว ดังนั้น จะเลือกทำประกันกับบริษัทไหนก็เหมือนกัน
แต่ในความเป็นจริงแล้ว นอกจากประกันสำหรับสุขภาพจะมีด้วยกันหลายประเภทแล้ว ประกันลักษณะนี้ยังมีเงื่อนไขการคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งในบางกรมธรรม์อาจไม่ครอบคลุมโรคร้ายอย่างโรคหัวใจ โรคมะเร็ง หรือโรคเบาหวาน ซึ่งหากมีปัญหาสุขภาพในลักษณะนี้ขึ้นมาก็เท่ากับว่า ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายเงินค่ารักษาด้วยตัวเอง อีกทั้งยังเบิกประกันไม่ได้อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ ก่อนตัดสินใจทำประกันทุกครั้ง เมื่อตั้งงบประมาณที่ตัวเองรับไหวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่าลืมเช็กให้ดีว่ารายการรักษาและตรวจสุขภาพแบบไหนสามารถเบิกได้บ้าง และมีรายการไหนที่ต้องจ่ายเอง จากนั้นจึงพิจารณาถึงความคุ้มค่าของการมีประกันสำหรับสุขภาพตัวที่สนใจอีกรอบ ซึ่งหากพบว่ามีรายจ่ายที่ต้องจ่ายเองมากกว่า 50% ก็ควรพิจารณาเลือกประกันตัวอื่น ๆ แทน
ปัจจัยที่ 3 : เลือกประเภทของประกันให้ตรงกับความต้องการและการใช้งาน
เพราะสุขภาพของคนเราเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและซับซ้อน ด้วยเหตุนี้ บริษัทประกันจึงเลือกออกประกันสุขภาพหลากหลายรูปแบบ เพื่อรองรับทุกการเจ็บป่วยให้ครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งเหตุผลนี้เอง ทำให้ประกันสำหรับดูแลสุขภาพในท้องตลาดมีด้วยกันหลากหลายประเภทที่ให้ความคุ้มครองต่างกันไป เช่น
- ประกันผู้ป่วยใน (IPD) หรือ ประกันสำหรับผู้เอาประกันที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง
- ประกันผู้ป่วยนอก (OPD) หรือ ประกันสำหรับผู้เอาประกันที่ไม่ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
- ประกันโรคร้าย ซึ่งบริษัทบางแห่งอาจแบ่งออกเป็นประกันสำหรับโรคนั้น ๆ โดยเฉพาะ อาทิ ประกันโรคมะเร็ง ประกันสำหรับโรคเกี่ยวกับสมอง ประกันโรคหัวใจ หรือโรคร้ายแรงที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ มีการรักษายาวนาน และมีค่าใช้จ่ายที่สูง
- ประกันชดเชยรายได้ หรือประกันที่ผู้เอาประกันจะได้รับเงินชดเชยในขณะรักษาตัว แต่จะไม่ได้ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาพยาบาล
- ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย ที่ครอบคลุมแทบจะทุกรายจ่ายของการรักษาพยาบาล ซึ่งเงื่อนไขประกันบางที่อาจครอบคลุมไปถึงค่าใช้จ่ายในการตรวจเจอโรคร้ายอีกด้วย
รู้หรือไม่?
หลายคนอาจเคยสงสัยว่า หากมีประกันอุบัติเหตุอยู่แล้วยังจำเป็นต้องทำประกันสุขภาพหรือไม่ โดย ‘อีซี่ อินชัวร์’ ขอให้คำแนะนำว่า โดยส่วนใหญ่แล้ว ประกันอุบัติเหตุนั้นครอบคลุมเฉพาะกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเท่านั้น แต่หากเป็นปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ประกันประเภทนี้จะไม่สามารถให้ความคุ้มครองได้ ดังนั้น การมีประกันสุขภาพติดตัวไว้ด้วยก็จะสามารถได้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมกับปัญหาสุขภาพและอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นได้
เมื่อเราได้รู้จักประเภทของประกันสุขภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะมานั่งพิจารณากันต่อไปว่าควรจะเลือกประกันประเภทไหนที่ให้ความคุ้มครองที่ตรงเงื่อนไขและคุ้มค่ามากที่สุด เช่น หากใครมีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง หรือมีปัญหาโรคร้าย การทำประกันสำหรับสุขภาพอาจต้องเลือกพิจารณาประกันแบบเหมาจ่ายและประกันโรคร้ายแรง เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ดี ประกันสำหรับดูแลสุขภาพแต่ละตัวก็มาพร้อมกับรายละเอียดและเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น ผู้เอาประกันควรจะศึกษารายละเอียดให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อประกันประเภทไหนก็ตาม
ปัจจัยที่ 4 : เช็กความน่าเชื่อถือของบริษัทให้ดี
สำหรับใครที่เลือกประกันสุขภาพได้เหมาะสมกับตัวเองแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาพิจารณาความน่าเชื่อถือของบริษัทประกันแต่ละแห่งกัน ซึ่งผู้เอาประกันนั้นสามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัทประกันผ่านใบอนุญาตและการจดทะเบียนได้ผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดยตรง
หรือหากทำการซื้อประกันสุขภาพกับผู้ขายประกัน ผู้เอาประกันก็สามารถโทรศัพท์สอบถามกับบริษัทประกันภัยถึงกรมธรรม์ที่ได้รับการเสนอขาย ตลอดจนตรวจสอบเลขใบอนุญาตได้ที่เว็บไซต์ของ คปภ. เช่นเดียวกัน
เพียงเท่านี้ทุกคนก็สามารถเลือกซื้อประกันสุขภาพได้ตรงกับความต้องการ และครอบคลุมถึงปัญหาสุขภาพของตัวเองแล้ว แต่สำหรับใครที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจให้การเลือกประกันเพื่อสุขภาพตัวเอง ‘อีซี่ อินชัวร์’ ขอแนะนำประกันสุขภาพจากวิริยะประกันภัยที่เน้นการรักษาในโรงพยาบาลเครือของโรงพยาบาลกรุงเทพ หรือเครือ BDMS โดยสามารถพิจารณาเลือกประกันได้ทุกประเภทตามต้องการ หากสนใจและต้องการรายละเอียดเกี่ยวกับประกันตัวนี้เพิ่มเติม สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ Line: @easyinsure (มี @ ด้วย)