โรคเอดส์คืออะไร
โรคเอดส์ คือ ภาวะป่วยระยะสุดท้ายของการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี HIV ที่ไปทำลายเม็ดเลือดขาว ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันบกพร่องจนไม่สามารถต่อสู้กำจัดการติดเชื้อที่เข้าสู่ร่างกาย เกิดอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ นำไปสู่การเสียชีวิตได้ โดยเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตทั่วโลก และเป็นโรคที่คุกคามที่ร้ายแรงที่สุดคือ โรคเอชไอวีหรือ โรคเอดส์ โดยองค์การอนามัยโลกได้เปิดเผยข้อมูลพบว่ามีประชากรติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคเอดส์จำนวน 36 ล้านคนทั่วโลก
โรคเอดส์ถือว่าเป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อไอชไอวี ซึ่งย่อมากจากคำว่า Human Immunodeficiency Virus เป็นเชื้อไวรัส ที่ทำให้มีภูมิคุ้มกันบกพร่องจนไม่สามารถต่อสู้กำจัดการติดเชื้อที่เข้าสู่ร่างกาย ในขณะที่โรคเอดส์หรือ Acquired Immune Deficiency Syndrome คือกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งเกิดมาจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายถูกเชื้อไวรัสทำลายจนร่างกายของผู้ป่วยไม่สามารถต่อสู้กับเชื่อโรคที่เข้าสู่ร่างกายได้
ส่วนเชื้อเอชไอวี Human Immunodeficiency Virus เป็นเชื้อไวรัสที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีที่มาจากลิงซิมแฟนซีในทวีปแอฟริกา แต่เดิมคือไวรัสเอสไอวี SIV ที่มีการระบาดและพัฒนาสายพันธุ์สู่ HIV แล้วแพร่กระจายมายังมนุษย์ โดยเชื้อเอชไอวี จะทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การทำงานบกพร่อง ไม่สามารถต่อสู้ป้องกันหรือกำจัดการติดเชื้อได้ตามปกติ สามารถติดต่อกันได้ผ่านทางของเหลวในร่างกายที่ติดเชื้อ อย่างเลือด น้ำอสุจิ หรือของเหลวในช่องคลอด โดยร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อเอชไอวีออกได้
สาเหตุของโรคเอดส์เกิดจากอะไร
โรคเอดส์ เกิดจากการติดเชื้อเอชไอวี เป็นเชื้อไวรัสที่ทำลายเม็ดเลือดขาวทำให้ระบบภูมิคุ้มกันที่อยู่ในเม็ดเลือดขาวทำงานบกพร่อง ซึ่งเชื้อเอชไอวีสามารถติดต่อกันได้ผ่านทางการรับของเหลวอย่างเลือด และผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ หรือ การติดเชื้อจากแม่สู่ลูกผ่านการตั้งครรภ์ การให้นม การใช้เข็มฉีดยา หรือสิ่งของที่มีเลือดและของเหลวของผู้ที่ติดเชื้ออยู่
การติดต่อโรคเอดส์ (เชื้อเอชไอวี)
คนสามารถติดเชื้อเอชไอวีได้โดยการสัมผัสกับเลือด น้ำอสุจิ ของเหลวจากช่องคลอด หรือแม้แต่น้ำนมแม่ เพราะสาเหตุการแพร่เชื้อส่วนใหญ่มาจากการมีเพศสัมพันธ์และการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อเอชไอวีจากการจับมือทักทาย การกอดจูบ การจาม การให้ห้องน้ำร่วมกัน การใช้ภาชนะและช้อนส้อมร่วมกัน การทำกิจกรรมดังที่กล่าวมานี้ไม่ทำให้ติดเชื้อเอชไอวีแต่อย่างใด
การติดเชื้อเอชไอวีมี 3 ระยะ
- ระยะเฉียบพลัน : เป็นระยะแรกของการติดเชื้อเอชไอวี เกิดขึ้นระหว่าง 2-4 สัปดาห์หลังจากติดเชื้อ ระยะนี้ผู้ติดเชื้อจะเริ่มมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่ร่างกายตอบสนองต่อการติดเชื้อเอชไอวี ระยะนี้เชื้อไวรัสจะเพิ่มจำนวนมากในร่างกาย ทำให้เซลล์ CD4 ในร่างกายลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว เป็นระยะที่มีความเสี่ยงสูงมากที่ผู้ติดเชื้อจะแพร่กระจายไวรัสไปยังผู้อื่น
- ระยะสงบทางคลินิก : เป็นระยะที่เชื้อไวรัสอยู่ในร่างกายโดยไม่แสดงอาการใด ๆ บางครั้งเรียกระยะนี้ว่า ระยะติดเชื้อเรื้อรัง หรือ ระยะติดเชื้อโดยไม่มีอาการ ระยะนี้ไวรัสจะเพิ่มปริมาณมากขึ้นในระดับต่ำ และ ใช้เวลานานถึง 10 ปี
- ระยะโรคเอดส์ : เป็นระยะที่การตอดเชื้อเอชไอวีได้พัฒนามาเป็นโรคเอดส์ เมื่อถึงจุดระบบภูมิคุ้มกันได้ถูกทำลายอย่างรุนแรง ผู้ป่วยมีอาการติดเชื้อฉวยโอกาส ซึ่งเกิดจากเชื้อโรคที่ไม่ก่อให้เกิดโรคในคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง แต่จะทำให้เกิดโรคกับผู้ที่ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
การวินิจฉัยโรคเอดส์
ปัจจุบันมีเพียงแต่ยาที่จะช่วยชะลอการพัฒนาของโรค คือยาต้านเอชไอวี หรือยาต้านรีโทรไวรัส หากผู้ป่วยได้รับยาในระยะแรก ๆ ที่ได้รับเชื้อ ยาจะออกฤทธิ์ควบคุมไม่ให้ไวรัสมีการแพร่กระจายและพัฒนาไปสู่การเจ็บป่วยในขั้นที่รุนแรงอย่างเอดส์ โดยการทานยา Post-exposure Prophylaxis เปรียบเสมือนเป็นยาฉุกเฉินที่ต้องรับประทานหลังได้รับเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย
อาการของโรคเอดส์
- ปอดอักเสบ
- ท้องเสียเรื้อรังนานกว่าหนึ่งสัปดาห์
- สูญเสียความจำ
- อาการซึมเศร้าและอาการทางระบบประสาทอื่น ๆ
- เหนื่อยผิดปกติ
- อาการไข้ที่เป็นซ้ำ ๆ
- เหงื่อออกตอนกลางคืน
- น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว
- อาการบวมที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ รักแร้ และขาหนีบ
- มีผื่นตามผิวหนัง ในช่องปาก จมูกและเปลือกตา
- แผลที่ริมฝีปาก อวัยวะเพศและทวารหนัก
ซึ่งอาการของโรคเอดส์อาจเป็นอาการของโรคอื่นก็เป็นได้ ในบางรายอาจมีมะเร็งบางชนิด เช่น โรคมะเร็งหลอดเลือด , โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง , โรคมะเร็งปากมดลูก เป็นต้น วิธีการที่ดีที่สุดว่าติดเชื้อเอชไอวีหรือไม่คือทำการตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี
การรักษาโรคเอดส์
ปัจจุบันมีเพียงยารักษาอาการติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ที่ได้รับการรับรองมากกว่า 25 ชนิดเรียกว่า ยาต้านรีโทรไวรัส ซึ่งทำหน้าที่ยับยั้งหรือต้านการแย่งตัวของเชื้อ เอชไอวี รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายโรคสู่ผู้อื่น การรักษาอาการติดเชื้อเอชไอวี ประกอบด้วยการใช้ยาต้านไวรัสในกลุ่ม ARV รวมกันเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อ วิธีการนี้เป็นการรักษาโรคโดยการควบคุมไวรัสไม่ให้ขยายพันธุ์ ทำให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตที่ยาวนานขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายสู่ผู้อื่น
การใช้ยา ARV หลังสัมผัสโรค เพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อ ผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อจำเป็นต้องได้รับยาให้เร็วที่สุดภายในเวลา 3 วันหลังจากสัมผัสเชื้อเอชไอวีเพื่อให้การป้องกันมีประสิทธิผล ยา ARV ยังสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีก่อนสัมผัสโรค ใช้ในผู้ที่ไม่มีเชื้อเอชไอวีแต่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีสูง และต้องการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ควรรับประทานยาทุกวันเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
การป้องกันโรคเอดส์
สามารถทำได้โดยหลีกเลี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีที่เป็นสาเหตุของโรคด้วยวิธีการดังนี้
- ใช้ถุงยางอนามัย
- ใช้ยาป้องกันเชื้อเอชไอวี
- ตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ตรวจเชื้อเอชไอวีขณะตั้งครรภ์
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการใช้เข็มหรืออุปกรณ์ฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
และอีกวิธีคือ การใช้ยาต้านรีโทรไวรัสหลายตัวร่วมกัน เช่น เนวีราปีน อาบาคาเวียร์ อะทาซานาเวียร์ หรือ อินดินาเวียร์ การใช้ยาอย่างถูกวิธีตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยลดจำนวนของเชื้อเอชไอวีในกระแสเลือดลงไปอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ช่วยให้ผู้ป่วยมีสุขภาพดีขึ้นและทำให้เชื้อไม่แพร่กระจายสู่ผู้อื่นผ่านการมีเพศสัมพันธ์ด้วย
โรคเอดส์ ไม่ได้เป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่าย หากหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงและรู้จักป้องกันตัวเองด้วยความระมัดระวังเสมอ โอกาสติดเชื้อเอชไอวีก็เป็นไปได้ยากมาก แต่หากใครที่มีเชื้อเอชไอวีหรือเป็นโรคเอดส์แล้ว ก็ต้องทำการรักษาอย่างถูกวิธีปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งถึงแม้ว่าการรักษาจะมีค่าใช้จ่ายที่สูง และผู้ป่วยที่ไม่มีงบประมาณเพียงพอในการรักษาก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่จะมาช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพคือการทำประกันสุขภาพกับโบรกเกอร์ประกันภัย
เพียงเท่านี้ก็รู้วิธีป้องกันตัวเองจาก โรคเอดส์ เพราะการทำประกันสุขภาพจะช่วยแบกภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ให้ก่อน ซึ่งการทำประกันสุขภาพก็มีให้เลือกหลายรูปแบบด้วยความคุ้มครองสูงสุด โดยอีซี่อินชัวร์โบรกเกอร์ประกันภัยชั้นนำ จะให้คำแนะนำในการทำประกันสุขภาพที่ดีที่สุด เสนอเงื่อนไขที่ให้ประโยชน์สูงสุดแก่ท่าน โดยเรามีเจ้าหน้าที่ประกันภัยที่จะดูแลและให้คำแนะนำที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าทุกท่าน ในราคาที่ไม่แพงแต่ได้ความคุ้มครองคุ้มค่าที่สุด และหากท่านใดสนใจทำประกันสุขภาพสามารถเข้าชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.easyinsure.co.th ได้ตลอด 24 ชั่วโมง