ทุกวันนี้บนท้องถนนบ้านเราเต็มไปด้วยรถ การที่จำนวนรถเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น ประกันภัยจึงเป็นทางเลือกที่ดีแล้วเหมาะสำหรับบ้านเรา เฉพาะประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้นที่คุ้มครองครอบคลุมที่สุด คุ้มครองแทบจะทุกกรณี แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะคุ้มครองทุกอย่าง เดียวเราไปดูกัน จากสถิติข้อมูลรายงาน Global Status Report on Road Safety หรือ WHO ปี พ.ศ. 2556 พบว่าอัตราผู้เสียชีวิตบนท้องถนนสูงถึง 1.25 ล้านคนต่อปี ของประเทศไทยติดอันดับ 2 ของโลก โดยส่วนใหญ่การบาดเจ็บและการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนา สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจและกำลังศึกษาเกี่ยวกับประกันภัย บทความนี้จะมาอธิบายไขข้อสงสัยต่าง ๆกับ ประกันชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง และอะไรบ้างที่ไม่คุ้มครอง
ประกันชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง
ข้อดีของการมีประกันติดตัวไว้ก็คือ ช่วยคุ้มครองตัวรถคันเอาประกัน หากเกิดความเสียหายใด ๆ ขึ้น เจ้าของรถจะได้ไม่ต้องรับภาระค่าเสียหายต่อตัวรถยนต์จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ไม่จำเป็นจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่หากถามว่าอยากได้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุดก็ต้องเป็น ชั้น 1 นั่นแหล่ะครับ ทั้งได้รับความนิยมมากที่สุด และให้ความคุ้มครอง ซ่อมเขา ซ่อมเรา สูญหาย ไฟไหม้และอื่น ๆ แต่เชื่อว่ายังมีหลายคนที่สงสัยและยังไม่รู้ว่าคุ้มครองเครื่องยนต์ไหม คุ้มครองยางรถยนต์ไหม คุ้มครองภัยก่อการร้ายหรือป่าว ไม่คุ้มครองอะไรบ้าง เดียวเราไปดูกันเลยดีกว่าครับ
ประกันชั้น 1 คุ้มครองคู่กรณีเท่าไหร่
ตามตารางความคุ้มครองประกันชั้น 1 ก็เขียนไว้อยู่แล้ว ว่าคุ้มครองบุลคลภายนอก ( คู่กรณี ) แต่ถ้าเกิดอยากรู้ว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง คุ้มครองคู่กรณีเท่าไหร่ ก็คงจะตอบได้ยาก เพราะแต่ละบริษัทก็มีวงเงินความคุ้มครองคู่กรณีไม่เท่ากัน บางบริษัทสูงกว่า 5,000,000 บาท ก็เคยมี แต่จากประสบการณ์การทำงานในด้านนี้ไม่เคยเห็นต่ำกว่า 600,000 บาท ดังนั้น หากเพื่อน ๆ สนใจมาลองเช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ เผื่อจะเป็นทางเลือกให้กับเพื่อน ๆ ได้ไม่มากก็น้อยครับ
ประกันชั้น 1 คุ้มครองรถหายไหม
คำถามส่วนใหญ่ของผู้ที่ใช้รถ ใช้ถนนจะเป็นกังวลในเรื่องของ รถหาย – ถูกโจรกรรม – ชิงทรัพย์ – ปล้นทรัพย์ เรื่องพวกนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยนะครับว่า จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ตอนไหน และหากเป็นรถที่ยังผ่อนไม่หมดล่ะจะต้องทำอย่างไร
- เมื่อรถถูกขโมย สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ตั้งสติและโทรหาบริษัทประกัน และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและดำเนินการตามทางกฏหมาย
- ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 ,2 ,2+ จะรับผิดชอบรถสูญหาย ผู้ทำประกันจะได้รับเงินชดเชย ตามวงเงินในกรมธรรม์ที่เราทำไว้
- ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 จะชดเชยค่าเสียหาย 100 % ของทุนประกันตามวงเงินในกรมธรรม์ที่เราทำ แต่หากเป็น ชั้น 2 หรือ 2+ ทุนประกันจะน้อยกว่า ชั้น 1 แต่ก็มีหลายบริษัทที่มีตัวเลือกเพิ่มทุนประกันได้
- รถหายต้องผ่อนกุญแจต่อไหม ตามหลักกฏหมาย ระบุว่า “มาตรา 567 ถ้าทรัพย์สินซึ่งให้เช่าสูญหายไปทั้งหมดไซร้ ท่านว่าสัญญาเช่าก็ย่อมระงับไปด้วย” แปลว่า หากรถเราเกิดสูญหายแบบเหตุสุดวิสัย สัญญาเช่าซื้อจะถูกระงับ ทำให้อาจจะไม่ต้องผ่อนต่อ เพราะในทางกฏหมายเรามีสิทธิที่จะหยุดผ่อนต่อ แต่ไม่ใช่ว่าจะทำตัวชิล ๆ สบาย ๆ เพราะถ้าหากเกิดจากความประมาทเลินเล่อของท่านเองที่ทำให้เกิดเหตุขึ้น ตัวท่านเองที่อาจจะต้องรับผิดชอบ ก็ต้องว่ากันไปตามทางกฏหมาย โดยศาลจะเป็นผู้ตัดสิน และไกล่เกลี่ย ซึ่งส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
ประกันชั้น 1 คุ้มครองรถน้ำท่วมไหม
ประกันชั้น 1 คุ้มครองครับ แต่หากเป็น ประกันชั้น 2+ ,3+ จะมีบางผลิตภัณฑ์ ขึ้นอยู่กับบริษัทประกันภัยที่ท่านทำ โดยความคุ้มครองจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ
- สูญเสียโดยสิ้นเชิญ : เช่น น้ำท่วมเกินคอนโซลหน้าแบบมิดคัน ทำให้เกิดความเสียหายทั้งคัน ไม่ว่าจะเป็น ห้องโดยสาร และรถไม่สามารถทำให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก และไม่คุ้มที่จะซ่อม บริษัทประกันภัยที่ท่านทำจะชดเชยเงินคืน 70 – 80 % ของทุนประกันเพื่อเป็นการขอซื้อซากรถ
- เสียหายบางส่วน : ท่วมไม่หนักมาก เสียหายแค่บางส่วน เช่น ล้อ เบรก ระบบต่าง ๆ บริษัทประกันภัยที่ท่านทำจะรับผิดชอบค่าซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ปกติเหมือนเดิม แต่จะรับผิดชอบเฉพาะค่าซ่อมรถที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น
ประกันชั้น 1 คุ้มครองยางรถยนต์ไหม
ยางรถยนต์ก็เปรียบเหมือนรองเท้า ที่ต้องเสียดสีไปทุกวัน ใช่ครับ เป็นอุปกรณ์ที่มีการเสื่อมสภาพสึกหรออย่างแน่นอน แต่จะมีกรณีใดบ้างที่ประกันจะรับผิดชอบและรับผิดชอบแค่ไหน ในกรณีที่ขับ ๆ ไปแล้วยางเกิดแตกหรือระเบิดจากอุบัติเหตุ เช่น เบียดฟุตบาท ตกหลุมใหญ่จึงทำให้เกิดยางแตก ยางระเบิด กรณีนี้สามารถเคลมได้ครับ ในร้อยละ 50 ของราคายาง แต่ต้องเป็นประกันชั้น 1 เท่านั้น ส่วนประกันชั้น 2 +, 3+ จะคุ้มครองก็ต่อเมื่อเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากรถชนรถเท่านั้น รวมไปถึง และในกรณีที่ถูกขโมยยาง แน่นอนอยู่แล้วว่ารับผิดชอบสูญหาย แต่ก็ต้องเป็น ชั้น 1 , 2 , 2+ เท่านั้น ที่คุ้มครองครอบคลุมในส่วนของสูญหาย
ประกันชั้น 1 คุ้มครองค่ารักษาเท่าไหร่
แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล แต่นอกเหนือจาก ประกันภัยภาคบังคับ ( พรบ รถยนต์ ) ที่ได้รับค่ารักษาพยาบาล 80,000 บาทต่อคน ตามความเสียหายจริง หรือกรณีสูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ ( พิการ ) เสียชีวิต ก็จะได้รับค่าสินไหมสูงถึง 200,000 – 500,000 บาทต่อหนึ่งคน รวมถึงกรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล วันละ 200 เป็นจำนวน 20 วัน เท่านั้นก็ยังได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติมจาก ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 โดยบริษัทประกันจะรับผิดชอบค่าเสียหายที่นอกเหนือจาก พรบ. ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บ ค่าสินไหมทดแทนในกรณีทุพพลภาพ (พิการ) หรือเสียชีวิต ซึ่งจะจ่ายตามความเสียหายจริงเป็นจำนวนเงินที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยเงื่อนไขวงเงินความคุ้มครองของแต่ละบริษัทประกันจะไม่เหมือนกัน ซึ่งผู้ทำประกันจะต้องศึกษาอ่านรายละเอียดความคุ้มครองให้ดี
ประกันชั้น 1 คุ้มครองเครื่องยนต์ไหม
กรณีนี้ต้องดูเป็นเคส ๆ ไป อย่างแรกอยากให้ทำความรู้จักกับเครื่องยนต์ก่อน เพราะหลายคนที่ใช้รถแต่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับรถ ใช้งานอย่างเดียวอาจจะทำให้เกิดปัญหาภายหลังได้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นอุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วแต่รถยังสามารถขับต่อไปได้ โดยที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ตัวเครื่องจึงเกิดการสึกหรอหม้อน้ำเกิดความเสียหาย โดยจะมีอาการดังนี้ เกจ์วัดความร้อนเตือน เหยียบคันเร่งไม่ขึ้น ได้ยินเสียงแปลก ๆ ถ้ามีอาการลักษณะนี้เกิดขึ้น ควรหยุดรถทันทีแล้วปล่อยให้เครื่องเย็นลงก่อน แล้วค่อย ๆ เติมน้ำเข้าหม้อน้ำ แล้วจึงขับต่อไปเช็คสภาพที่อู่ หรือหากไม่แน่ใจโทรหาประกัน เรียกรถยก – รถลากไปอู่ซ่อม เท่านี้ก็จบครับ เพราะทางบริษัทจะรับผิดชอบทั้งหมดรวมถึงไปค่าซ่อม
แต่สำหรับคนที่ไม่รู้ในกรณีหลังจากเกิดอุบัติเหตุ แล้วยังจะรั้นขับต่อไปจนเครื่องร้อน และดับไปในที่สุด คุณอาจจะต้องปวดหัวกับค่าซ่อมเครื่องยนต์ที่แพงพอสมควร เนื่องจากความร้อนจากหม้อน้ำจะไปทำลายเครื่องยนต์ของคุณ กรณีแบบนี้ประกันจะไม่รับผิดชอบนะครับ เพราะความเสียหายเบื้องต้นคือ หม้อน้ำ และเนื่องจากคุณยังขับต่อไปความร้อนจึงไปทำลายประเก็นฝาสูบ จึงทำให้เครื่องยนต์ดับไม่สามารถขับต่อไปได้ ดังนั้นควรศึกษาสักเล็กน้อยไม่ใช่แต่จะขับอย่างเดียว พอเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้วอาจจะมีปัญหาตามมาภายหลังได้
ประกันชั้น 1 ไม่คุ้มครองอะไรบ้าง
เหตุการณ์ก่อการร้าย
โดยปัจจุบันมีอีกหลายบริษัทที่ยังไม่รับความคุ้มครองในส่วนนี้ ประกันส่วนใหญ่จะไม่คุ้มครองในเหตุการณ์ก่อการร้าย เหตุระเบิด หรือภัยคุกคาม แต่หากเพื่อน ๆ อาศัยอยู่ในบริเวณ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการก่อความไม่สงบอยู่ตลอดเวลา ก็ยังมีบริษัทที่รับคุ้มครองในส่วนนี้ เช่น กรุงเทพประกันภัย ,เมืองไทย ,MSIG ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท โดยบางบริษัทเป็นทางเลือกให้ผู้เอากรมธรรม์สามารถซื้อเพิ่มเติมได้ ควรจะทำการศึกษากรมธรรม์ที่ท่านทำให้ดี เพื่อที่จะได้ความคุ้มครองที่เหมาะสมแก่ประโยชน์ของผู้ทำประกันมากที่สุด
เกิดสงคราม
เช่น สงครามกลางเมือง หรือ การรุกราน บริษัทประกันจะไม่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นรอยกระสุน ระเบิด ต่าง ๆ ส่วนนี้อยู่นอกเหนือความคุ้มครองที่ระบุอยู่ในกรมธรรม์
มีวัตถุอาวุธปรมาณู
ถึงอาจจะเกิดขึ้นได้ยาก เพราะคงต้องเกิดสงครามขึ้นจริง ๆ แต่ศึกษาเอาไว้ก็ไม่เสียหาย บริษัทประกันภัย จะไม่รับผิดชอบในส่วนของ การแผ่รังสี การแตกตัวของประจุ กัมมันตภาพรังสีจากเชื้อเพลิงปรมาณู รวมไปถึงโรงงานนิวเคลียร์ระเบิด
จงใจให้เกิดอุบัติเหตุ
อุบัติเหตุส่วนใหญ่ของเมืองไทยก็คงจะเป็นขับรถเร็ว ฝ่าไฟแดง ย้อนศร แต่บางสถานการณ์อาจจะทำให้หงุดหงิด หัวร้อนทำให้เกิดการหมั่นไส้ ก็เลยขับชนเอาซะเลย มีตัวอย่างให้เห็นเยอะแยะครับ กรณีนี้ประกันไม่รับเคลมให้แน่นอนครับ แถมผิดกฏหมายอีกด้วยถ้าเกิดคู่กรณีไม่ยอมจะฟ้องร้อง ก็ต้องเสียเวลา เสียทั้งเงิน โดยศาลจะเป็นผู้ไกล่เกลี่ย และตัดสิน ซึ่งส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล หรือจะเป็นประเภทที่หัวหมอ รู้มาก เช่น เกิดอุบัติเหตุโดยคู่กรณี ก็คือทรัพย์สินของผู้ทำประกันเอง หรือ เป็นญาติพี่น้อง กรณีแบบนี้ต้องดูเป็นเคส ๆ ไป ถ้าหากเป็นการจงใจ หวังเงินจากประกันจริง ๆ บริษัทประกันจะไม่รับผิดชอบค่าเสียหาย หรืออาจจะรับผิดชอบ แต่ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ทำประกันที่สร้างสถานการณ์ขึ้นมา
การเสื่อมสภาพของรถ
บริษัทประกันภัยจะให้ความคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเท่านั้น ถ้าหากเกิดจากการขาดการใช้งานรถยนต์ จอดทิ้งไว้นาน หรือไม่ค่อยได้ขับจนเกิดการเสื่อมสภาพ บริษัทประกันภัยจะไม่รับผิดชอบ รวมไปถึงการเคลมสีรอบคัน บริษัทจะตรวจสอบว่าเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุจริงหรือไม่ แต่ถ้าหากเป็นการประนีประนอมในการร่วมรับผิดชอบ ของค่าซ่อมทั้งหมด จะต้องดูในส่วนประวัติดี ทำประกันมากี่ปี เคลมไปกี่ครั้ง
การบรรทุกของหนักเกินกำหนด
บริษัทประกันภัยจะไม่รับผิดชอบ ถ้าหากบรรทุกของหนักเกินกำหนดจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ บริษัทประกันภัยจะมองว่าเป็นการประมาทเลินเล่อของผู้ทำประกัน
การใช้รถยนต์ทางที่ผิดกฎหมาย
- ขนส่งของที่ผิดกฏหมาย : หากรถยนต์ของคุณเป็นรถที่ไปก่อเหตุผิดกฏหมายมา ไม่ว่าจะเป็น ขนยา ขนส่งของผิดกฏหมาย หรือปล้นทรัพย์ จะตั้งใจก็ดีหรือไม่รู้เห็นด้วยก็ดี บริษัทประกันภัยจะไม่คุ้มครองรถยนต์ที่ก่อเหตุ
- การใช้รถในเชิงพาณิชย์ : แน่นอนบริษัทประกันจะมองว่า เป็นการใช้รถในทางที่ผิดประเภท หากผู้ทำประกันจดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล แต่ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ก็จะถือว่าอยู่นอกเหนือจากที่ระบุในตารางกรมธรรม์ เกิดอุบัติเหตุมา ประกันไม่จ่ายแน่นอนครับ
- ดัดแปลงสภาพรถใช้ในการแข่งความเร็ว : ผิดกฏหมาย และบริษัทประกันภัยจะไม่คุ้มครองในอุปกรณ์แต่งที่เกิดความเสียหาย มีเงื่อนไขดังนี้
- ปรับสภาพรถให้สูงขึ้น หรือ โหลดต่ำ โหลดรถต่ำกว่า 40 ซ.ม. หรือสูงเกิน 175 ซ.ม. วัดจากกึ่งกลางหน้ารถไปถึงพื้น
- เกจ์วัดหรือ Defi (สังเกตจากหน้ารถ ติดที่คอนโซลรถ)
- ท่อไอเสีย ท่อไอเสียมีเสียงดังเกิน 100 เดซิเบล
- ไฟรถ ไฟเลี้ยวไม่เป็นสีเหลือง ไฟเบรกไม่เป็นสีแดง และไฟหลังไม่เป็นสีขาว
- ป้ายทะเบียน ดัดแปลงแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ หรือมีสิ่งที่บดบังป้ายทำให้มองไม่เห็น
- สีรถ เปลี่ยนสีรถทั้งคันหรือเปลี่ยนแค่บางส่วนแล้วไม่แจ้งกรมการขนกรมขนส่งทางบก
- ไม่มีใบอนุญาติขับขี่ : แน่นอนอยู่แล้วนอกจากประกันภัยจะไม่รับผิดชอบ ไม่คุ้มครองกรณีที่ไม่มีใบอนุญาติขับขี่ และยังผิดกฏหมายอีกด้วย ข้อหาไม่มีใบอนุญาติขับขี่ รวมไปถึงการที่ไม่มีประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ( พรบ ) และการที่ให้ผู้อื่นยืมไปใช้โดยที่ผู้ยืมไม่มีใบขับขี่
- เมาแล้วขับ : สายเมา ขี้เมาทั้งหลาย ข้อนี้คงจะรู้กันดีอยู่แล้วครับ ว่าผิดกฏหมาย พรบ จราจรทางบก มาตรา 43 ระบุไว้ว่า ห้ามมิให้ขับขี่รถในขณะเมาสุรา หรือของมึนเมาอื่นๆ โดยมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และแน่นอนบริษัทประกันภัยจะมองว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุ ประกันไม่จ่ายแน่นอน
กรณีไม่แจ้งข้อมูลการเปลี่ยนแปลงหรือดัดแปลงตัวรถให้ประกันทราบ
เชื่อว่าเป็นคำถามที่นักแต่งรถคาใจ ไม่ว่าจะรักในความสวยงาม หรือการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน ให้เกาะถนนได้ดี รับน้ำหนักได้ดีขึ้น พวกยางรถยนต์ แม็กซ์ โช็ค รวมไปถึงระบบแก๊สรถยนต์ สามารถติดตั้งได้ครับ แต่ก็ต้องแจ้งให้ประกันทราบ และการจะแต่งรถในแบบที่เท่ใช่สไตล์คุณนั้นควรจะนึงถึงข้อกฎหมาย และต้องแจ้งกรมการขนส่งให้ตรวจสภาพ ไม่อย่างนั้นจะถือว่าผิด
กรณีใช้รถยนต์นอกอาณาเขตคุ้มครอง
บริษัทประกันภัยไม่คุ้มครองกรณีใช้รถยนต์นอกอาณาเขตคุ้มครอง การขับรถยนต์ออกนอกประเทศ ซึ่งถือว่าอยู่นอกเขตคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์
กรณีการใช้รถลากจูงหรือรถยก แล้วเกิดความเสียหาย
บริษัทประกันภัยไม่คุ้มครอง การใช้ลากจูงหรือผลักดัน เช่น รถเกิดปัญหาขับไปต่อไม่ได้เลยให้รถยนต์อีกคันมาลากแล้วไปเกิดอุบัติเหตุขึ้น แต่ก็มีข้อยกเว้นถ้าหากได้ประกันภัยไว้กับบริษัทด้วย หรือเป็นรถลากจูงโดยสภาพ
กรณีการเซ็นรับผิดชอบว่าตัวเราเป็นฝ่ายผิด
เมื่อเกิดอุบัติเหตุอย่างแรกให้โทรหาบริษัทประกัน รอประกันก่อน ถ้าไม่แน่ใจว่าใครผิด อย่าเพิ่งเป็นฝ่ายขอโทดยอมรับผิด หรือเซ็นยอมรับผิด เพราะจริง ๆ คู่กรณีของคุณอาจจะเป็นฝ่ายผิดก็ได้
รถมีประกันชั้น 1 เป็นฝ่ายถูก
ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุแล้วคู่กรณีเป็นฝ่ายผิดมาชนเรา ทำให้เสียเวลาจากการซ่อมรถ ไม่มีรถขับไปทำงาน หรือต้องนอนพักตัวที่โรงพยาบาล อย่าลืมเรียกค่าขาดประโยชน์จากคู่กรณี สามารถเรียกค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมรถยนต์ ได้วันละ 500 บาท แต่หากเป็นรถที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ จะได้วันละ 1,000 บาท ตามจำนวนวันที่ขาดประโยชน์จริง
ประกันชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง Pantip
หนึ่งในเว็บบอร์ดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีความน่าเชื่อถือสูง ส่วนใหญ่จะมาจากประสบการณ์จริง เลยจะพาไปดูสมาชิก Pantip ว่าเขาคิดเห็นอย่างไรกับ ประกันชั้น 1
หัวข้อ : ประกันภัยชั้น1 คุ้มครองยางรถยนต์ไหม?
หัวข้อ : ถ้าเครื่องยนต์หรือเกียร์เสีย ประกันภัยรถยนต์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกไหม
หัวข้อ : เอาข้อมูลเกี่ยวกับการประกันภัยมาฝาก หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่าน
หัวข้อ : มีอะไรที่ประกันภัยชั้น1 ไม่จ่ายมั่งคับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ จากสถิติทั่วโลกอุบัติเหตุบนท้องถนนของบ้านเราดูไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่ ดังนั้นประกันภัยจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจ หวังว่าบทความ ประกันชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นทั้งนั้น แต่เราเลือกที่จะมีความคุ้มครองได้ด้วยประกันชั้น 1 ที่มีความคุ้มครองสูงสุด จะชนเสาไฟ สุนัขตัดหน้า เป็นการชนแบบที่ไม่มีคู่กรณีก็สามารถเคลมได้ โดยที่ www.easyinsure.co.th เรามีเจ้าหน้าที่ประกันภัยที่คอยให้คำแนะนำตลอด 24 ชม. คุ้มครองขนาดนี้สบายใจหายห่วงแน่นอน