ชื่อผู้เอาประกัน
เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว สิ่งแรกที่เจ้าหน้าที่ประกันภัยมาถึงจะขอเรียกดูคือ กรมธรรม์ประกันภัยที่เราได้ทำไว้ หากพบว่า ผู้ขับขี่มีชื่อที่ไม่ตรงกับ ชื่อผู้เอาประกัน ในกรมธรรม์ ปัญหาที่ตามมาคือ ประกันภัยจะรับผิดชอบให้ความคุ้มครองหรือไม่
ในความเป็นจริง ผู้ขับขี่บางครั้งอาจจะไม่ตรงกับเจ้าของรถยนต์คันที่ขับอยู่ก็เป็นไปได้เพราะด้วยความจำเป็นหลายประการ เช่น ระหว่างนั้นเจ้าของรถยนต์ไม่สบายขึ้นมากะทันหัน เมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ หรือ ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ทำให้ไม่สามารถขับรถยนต์ของตัวเองได้ จึงต้องให้ผู้อาศัยมาในรถขับรถยนต์คันนั้นแทน แล้วเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำอย่างไร ประกันคุ้มครองหรือไม่ วันนี้เรามาดูคำตอบกัน
โดยปกติแล้วชื่อผู้เอาประกันภัย ควรเป็นชื่อเจ้าของตามรายการจดทะเบียนรถ สำหรับความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์นั้นติดไปกับตัวรถ ไม่ได้ติดกับตัวผู้เอาประกันแต่อย่างใด เช่น ในกรณีที่มีการขายรถให้กับผู้อื่นแล้ว แต่ความคุ้มครองนั้นยังมีผลต่ออยู่จนกว่ากรมธรรม์จะหมดอายุสิ้นสุดลง บริษัทยังคงต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ เพียงแต่ผู้เอาประกันภัยจะต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบในค่าความเสียหาย ด้วยการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ด้วย
ตัวอย่างเช่น
ชื่อในกรมธรรม์ไม่ใช่ชื่อผู้ขับขี่ในขณะที่เกิดอุบัติเหตุ แล้วเป็นฝ่ายผิด กรณีนี้ประกันจะเรียกเก็บค่าเสียหายให้คู่กรณีไป 2,000 บาท แถมด้วยค่าผิดเงื่อนไขกับประกันภัยอีกที่ชื่อไม่ตรงกับในกรมธรรม์อีก 6,000 บาท รวมทั้งสิ้น 8,000 บาทที่ต้องจ่าย แต่กรณีเป็นฝ่ายถูกก็จะถูกเรียกเก็บค่าผิดเงื่อนไขจำนวน 2,000 บาทอยู่ดี จะถูกหรือผิดก็ต้องเสียเงินทั้งสิ้น
คำตอบสำหรับคำถามที่ว่า ชื่อผู้เอาประกัน กับ ผู้ขับขี่เป็นคนละคนกัน ประกันคุ้มครองไหม ขอตอบว่า เคลมได้ แต่ต้องเสียเงินก่อนเคลม ฝ่ายถูกจ่าย 2,000 บาท ฝ่ายผิดจ่าย 8,000 บาท ดังนั้นถ้ารถยนต์คันนั้นมีคนขับขี่หลายคน ต้องไม่ระบุชื่อคนขับในกรมธรรม์เป็นทางที่ดีที่สุด ถึงแม้ว่าเบี้ยจะแพงสักหน่อย แต่ก็ไม่ต้องเสียเงินกรณีเกิดเรื่องขึ้นมา รวมถึงในการใช้งานจริง ใครขับก็ยังคงได้รับความคุ้มครองเหมือนกัน
แต่กรณีเปลี่ยนเจ้าของรถก็ต้องมีการเปลี่ยนชื่อเจ้าของกรมธรรม์ใหม่ และผู้ขับขี่ต้องมีใบขับขี่ถูกต้องตามกฎหมายเช่นกันตามเงื่อนไขกรมธรรม์อีกกรณีหนึ่งคือ ในการทำประกันภัยภาคสมัครใจนั้นมีการรับประกันแบบระบุชื่อผู้ขับขี่ด้วย ดังนั้นในการเรียกร้องเคลมค่าสินไหมทดแทน จำเป็นต้องดูรายละเอียดว่ากรมธรรม์มีการระบุผู้ขับขี่ไว้หรือไม่
อ่านเพิ่มเติม : ทำประกันชั้น 1 แบบระบุผู้ขับขี่ แต่ตอนเกิดเหตุคนขับเป็นคนอื่น แบบนี้เคลมได้มั้ย?
ประกันรถยนต์แบบระบุชื่อผู้ขับขี่ และไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ ต่างกันอย่างไร
-
- ประกันภัยรถยนต์ประเภทไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ ถือเป็นการประกันภัยที่ใช้มาแต่ดั้งเดิม จะคุ้มครองความรับผิดและความเสียหายต่อรถยนต์ที่เกิดในระหว่างการใช้ หรือ การขับขี่ของบุคคลใดก็ตาม ที่ใช้หรือขับขี่โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัย ภายใต้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และข้อยกเว้นที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย
- ประกันภัยรถยนต์ประเภทระบุชื่อผู้ขับขี่ ถือเป็นการประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองความรับผิด หรือความเสียหายต่อรถยนต์ที่เกิดขึ้นในขณะที่มีบุคคลที่ระบุชื่อในกรมธรรม์เป็นผู้ขับขี่ ในการทำประกันรถยนต์ประเภทระบุชื่อผู้ขับขี่ ผู้เอาประกันสามารถระบุชื่อผู้ขับขี่ได้ถึง 2 คน แต่จะระบุคนเดียวก็ได้ การทำประกันภัยประเภทนี้ เหมาะสำหรับรถยนต์ที่มีผู้ขับขี่ประจำไม่เกิน 2 คน โดยต้องระบุชื่อและอายุของผู้ขับขี่
ไว้ในกรมธรรม์อย่างชัดเจน ข้อดีข้อนี้คือจะได้ราคาเบี้ยที่ถูกลงจากปกติ จึงมักเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่หลายคนเลือกระบุชื่อผู้ขับขี่ไว้ก่อน
ดังนั้นหากสนใจทำประกันภัยรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการระบุ ชื่อผู้เอาประกัน แบบใดก็อย่ารีรอให้เกิดอุบัติเหตุก่อนเลย การทำประกันภัยรถยนต์มีข้อดีมากมาย ช่วยเหลือเราและคู่กรณีได้ ช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย ชดใช้ค่าเสียหาย ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล และช่วยไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีหัวหมอได้อีกด้วย
เพียงติดต่อเข้ามาที่ อีซี่อินชัวร์โบรกเกอร์ประกันภัย ที่มีเจ้าหน้าที่ด้านประกันภัยอย่างมืออาชีพคอยให้คำแนะนำ คำปรึกษาที่ดีให้ได้รับความคุ้มครองสูงสุดตรงกับความต้องการของลูกค้า แถมยังมีบริการผ่อนชำระเบี้ยประกันภัยดอกเบี้ย 0% และระยะเวลาในการผ่อนชำระให้เลือกอีกตามความสะดวกของลูกค้าได้เลย