ถอยรถชนแล้วไม่มีประกันภัยรถยนต์

ถอยรถชนแล้วไม่มีประกันภัยรถยนต์ ทำไงดี ฝ่ายผิด ฝ่ายถูก เคลียร์อย่างไรให้ลงตัว

ถอยรถชนแล้วไม่มีประกันภัยรถยนต์

สวัสดีครับเพื่อนๆ เมื่อวานมานี้มีเหตุการณ์รถชนกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายเคลียร์กันไม่ลงตัวเนื่องจากเป็นกรณี ถอยรถชนแล้วไม่มีประกันภัยรถยนต์ แน่นอนอยู่แล้วว่าหากทำประกันเอาไว้จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ในเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นมาแล้ว จะให้ไปนั่งพร่ำเพ้อว่าทำไมไม่ทำประกันคงจะสายเกินแก้ ดังนั้นเรามาดูกันว่าหากถอยรถชนแล้วไม่มีประกัน ทำอย่างไรได้บ้าง

ถอยรถชนแล้วไม่มีประกัน ทำไงดี

เหตุการณ์แบบนี้มีให้เห็นกันบ่อยๆ ผมจึงนำมาเป็นกรณีศึกษาเพื่อให้เพื่อนๆที่ประสบพบเจอเหตุการณ์แบบนี้ สามารถนำไปใช้เจรจากับคู่กรณี หรือนำวิธีนี้ไปปฎิบัติตาม จะทำให้ทุกๆอย่างง่ายขึ้น และเคลียร์ปัญหาลงตัวภายในไม่กี่นาที โดยเป็นรถกระบะถอยชนมอเตอร์ไซค์ มาดูกันว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร

คนขับรถกระบะ : ใส่เกียร์ถอยเพื่อหลบรถคันข้างหน้าให้สามารถไปได้ โดยไม่ทันดูกระจกหลังว่ามีรถด้านหลังหรือไม่ ทำให้ถอยไปชนกับรถมอเตอร์ไซค์เข้าจังๆ
คนขับรถมอเตอร์ไซค์ : บีบแตรดังลั่น เพื่อให้คนขับกระบะรู้ว่ามีรถอยู่ข้างหลังนะ แต่กระบะก็ไม่ยอมหยุดและชนในที่สุด
คนขับรถกระบะ : ลงมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับพูดประโยชน์ยอดฮิตว่า “ขอโทษค่ะ ไม่ทันมอง”
คนขับรถมอเตอร์ไซค์ : พี่ไม่ทันมอง แต่ถอยมาชนรถของผม ซึ่งถือว่าพี่ประมาท และทำให้รถของผมได้รับความเสียหาย พี่จะทำอย่างไร
คนขับรถกระบะ : พูดประโยชน์ยอดฮิตครั้งที่สองว่า “พี่ไม่ทันมองจริงๆ เพียงจะหลบให้รถคันข้างหน้าไปได้ อีกอย่างรถของพี่ไม่มีประกัน”
คนขับรถมอเตอร์ไซค์ : พี่ไม่มีประกัน แต่รถของผมเสียหาย พี่ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
คนขับรถกระบะ : อ้างโน้น อ้างนี่ เพื่อหลีกเลี่ยงการชดใช้ค่าเสียหาย !!!

จากเหตุการณ์ข้างต้น เพื่อนๆจะสังเกตได้ว่าเคลียร์กันอย่างไรก็ไม่ลงตัว ต่อให้ยืนเถียงกันทั้งวันก็เคลียร์ไม่ลงตัวอยู่ดี ในเมื่อผมเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์และทำอยู่ในวงการประกันภัยรถยนต์ จึงอาสาลงไปเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยฟังความคิดเห็นทั้งสองฝ่าย และจับประเด็นเพื่อแก้ปัญหาให้เคลียร์กันลงตัว เพื่อนๆอยากรู้แล้วใช่ไหมละครับว่ามีเทคนิคอย่างไร ทั้งสองฝ่ายถึงเคลียร์กันลงตัว

ผม : สวัสดีครับผมอยู่ในเหตุการณ์ ต้องบอกก่อนว่าน้องที่ขับมอเตอร์ไซค์ทิ้งระยะห่างพอสมควรไม่ได้จี้ท้ายรถของพี่เลย และบีบแตรเพื่อเตือนว่ามีรถอยู่ด้านหลัง แต่พี่ขับรถกระบะไม่สนใจโดยอ้างว่า ถอยรถชนแล้วไม่มีประกัน ต้องยอมรับว่าพี่ขับรถกระบะเป็นฝ่ายผิด และต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริงให้กับรถมอเตอร์ไซค์ (ด้วยความที่เราพูดแบบหลักการณ์ทำให้ทั้งสองฝ่ายหยุดฟัง)
คนขับรถกระบะ : พี่เข้าใจว่าพี่เป็นฝ่ายผิดและรถของพี่ไม่มีประกัน แต่พี่ก็ไม่มีเงินจะให้ทำอย่างไร (เหตุการณ์เริ่มตึงเครียดเพราะคนขับกระบะอ้างว่าตนไม่มีเงิน)
ผม : ใจเย็นๆนะครับ ในเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นก็ต้องมีการชดใช้ จะมาอ้างว่าไม่มีเงินคงเป็นไปไม่ได้ ผมเลยแนะนำให้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมา ณ ที่เกิดเหตุเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บหลักฐาน นำทั้งสองฝ่ายไปลงบันทึกประจำวัน และเคลียร์กันให้ลงตัว
คนขับรถกระบะ : อ้างกับตำรวจว่า ตนเองไม่มีเงินที่จะชดใช้ค่าเสียหาย โดยจะขอผ่อนเป็นงวดๆ เพื่อชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
คนขับรถมอเตอร์ไซค์ : ยอมรับและทำข้อตกลงว่าจะนำรถไปตรวจและให้ศูนย์ออกใบเสนอราคาค่าซ่อมแซมและค่าอะไหล่ทั้งหมด เพื่อคิดเป็นจำนวนเงินออกมา และตกลงการแบ่งชำระเป็นงวดๆตามที่เจ้าของรถกระบะเสนอมา

จากกรณีข้างต้นเพื่อนๆเห็นแล้วใช่ไหมครับว่าหากเราทำ ประกันภัยรถยนต์ เพียงเรียกเจ้าหน้าที่มาเก็บหลักฐานและออกใบเคลมทุกอย่างก็จบในไม่กี่นาที แต่กรณี ถอยรถชนแล้วไม่มีประกันภัยรถยนต์ จึงทำให้เราต้องเสียเวลาทั้งวัน อย่างไรก็ตามหากเพื่อนๆเจอกรณีแบบนี้ ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูกในเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ควรจะเจรจากันด้วยความใจเย็น ใครผิดว่าไปตามผิดใครถูกว่าไปตามถูก โดยจะต้องเก็บหลักฐานเป็นรูปภาพ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมา ณ ที่เกิดเหตุเพื่อเป็นพยานสำคัญและไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้

ย้ำว่าอย่าตกลงกันด้วยปากเปล่า เนื่องจากมีหลายกรณีที่ตกลงด้วยปากเปล่าไม่มีหลักฐาน ทำให้ฝ่ายผิดไม่รับผิดชอบค่าเสียหายและหลบหนีไป ฝากกรณีที่ผมยกตัวอย่างไปให้เพื่อนๆได้ศึกษา แนะนำว่าการทำประกันภัยรถยนต์ มีหลายคนมักมองข้ามเพราะคิดว่าไม่คุ้มค่าและเหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิดขึ้นกับตนเอง แต่พอเกิดขึ้นก็มานั่งเสียดายที่หลัง หากใครที่ยังไม่ได้ทำประกันและคิดแบบที่ผมบอกไป ให้ติดต่อทำประกันภัยรถยนต์ชั้น3 เอาไว้ อย่างน้อยก็คุ้มครองคู่กรณี แต่รถของเราซ่อมเอง ก็สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว


แนะนำโดย : Easyinsure.co.th
กรณีศึกษา : ถอยรถชนแล้วไม่มีประกัน

Loading

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *