ป้าศรี : จิ๊บเอ๊ยยยยย ประกันชั้น 1 ของบริษัทนี้มันถู๊กถูก เบี้ยประกันประมาณ 8,999 บาทเองลูก
จิ๊บ : ที่ถูกแบบนี้เพราะเค้ามีเก็บค่า Deductible ไงล่ะฮะป้าศรี
ป้าศรี : ….. (งง)
มีพี่ๆ คนไหนมั้ยฮะ ที่เห็นเบี้ยประกันชั้น 1 ราคาเริ่มต้นแค่หลักพันแล้วตาลุกวาวเป็นประกาย เพราะปกติแล้วประกันชั้น 1 ราคาค่าเบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่หลักหมื่นนู้นนนนน เห็นเบี้ยถูกแบบนี้อย่าเพิ่งรีบไปซื้อเพราะเห็นแก่ของถูกล่ะ ดึงสติตัวเองกลับมาติ๊ดนึงฮะ ที่เบี้ยประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 มีราคาถูกขนาดนั้นก็เพราะว่าเป็นประกันภัยแบบมีค่าเสียหายส่วนแรก Deductible งงเด้ ว่า “Deductible” คืออะไร? บอกเลยเรื่องนี้น่าสนใจม๊ากกกกก
Deductible คือ?
ก่อนที่จะตัดสินใจทำประกันรถยนต์ เจ้าของรถยนต์สามารถเลือกได้ว่าจะทำประกันภัยชั้น 1 แบบมี Deductible หรือไม่มี Deductible ซึ่งค่า Deductible ก็คือค่าเสียหายส่วนแรกที่เจ้าของรถยนต์ยินยอมที่จะจ่ายให้กับบริษัทประกันภัยด้วยความเต็มใจ ไม่มีการบังคับ ขู่เข็ญใดๆ ทั้งนั้น ซึ่งค่า Deductible จะมีระบุแจ้งเอาไว้ชัดเจนบนหน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ จำนวนเงิน Deductible จะอยู่ที่ประมาณ 1,000 – 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับความต้องการเจ้าของรถยนต์
ต้องจ่ายค่า Deductible ตอนไหน?
หากเกิดเหตุรถชนซึ่งเจ้าของรถยนต์เป็นฝ่ายผิด และต้องการนำรถของตนเองเข้าซ่อมที่ศูนย์ หรืออู่บริการ เจ้าของรถก็เตรียมตัวควักเงินจ่ายค่า Deductible ได้เลย เงินเรียกเก็บก็ตามที่ตกลงกับบริษัทประกันภัยเอาไว้แต่แรก ถ้าจำไม่ได้ก็ไปดูในเอกสารกรมธรรม์ประกันภัยเลย เค้ามีบอกไว้อยู่ฮะ ค่า Deductible นี้จะเสียเป็นรายครั้งนะฮะ ถ้าเกิดเหตุแล้วเป็นฝ่ายผิดทั้ง 3 ครั้ง แล้วต้องการซ่อมรถตัวเอง ก็ต้องจ่ายค่า Deductible ทั้ง 3 ครั้งนะฮะ
ป้าศรี : อย่างป้าไม่ได้ขับรถชนรถ แต่ถอยชนพวกกระถางต้นไม้ เสาไฟ หรือประตู แบบนี้ต้องจ่ายค่า Deductible ป่าวอ่ะ?
สมมติถ้าป้าศรี กับพี่ๆ ขับรถไปชนอะไรก็ตามที่ไม่ใช่รถยนต์ ก็จะเป็นการชนแบบไม่มีคู่กรณี ซึ่งบริษัทประกันจะมองว่าเป็นฝ่ายผิด เพราะฉะนั้นจะเสา ประตู หรืออะไรก็ตามนอกจากรถยนต์ยังไงก็เป็นฝ่ายผิด (บริษัทประกันเค้าว่ามาแบบนี้ฮะ)
ข้อดีของการทำประกันแบบมี Deductible
การทำประกันชั้น 1 แบบมี Deductible ข้อดีที่สำคัญที่สุดก็คือช่วยลดค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์นั่นเอง งงม้ะว่าลดค่าเบี้ยได้ยังไง เดี๋ยวอธิบายง่ายๆ
สมมติว่าปีนี้พี่ๆ ทำประกันชั้น 1 ราคาเต็มอยู่ที่ 18,000 บาท แต่ด้วยความอยากจ่ายค่าเบี้ยประกันให้ถูกลง เลยเลือกทำประกันแบบมี Deductible จำนวน 2,000 บาท ทำให้พี่ๆ จ่ายเบี้ยประกันถูกลงเหลือเพียง 16,000 บาท/ปี ถูกลงตั้ง 2,000 แหนะ
ถ้าพี่ๆ เกิดเหตุรถชนจนต้องแจ้งเคลมประกัน ปรากฏว่าพี่ๆ เป็นฝ่ายผิดขับไปจุ๊บท้ายรถเค้าก่อน ซึ่งรถของพี่ๆ ก็ได้รับความเสียหายไม่แพ้กัน โดยบริษัทประกันประเมินค่าเสียหายอยู่ที่ 10,000 บาท หากพี่ๆ ต้องการซ่อมรถของตัวเองจะต้องเสียค่า Deductible 2,000 บาท ส่วนค่าความเสียหายอีก 8,000 บาท บริษัทประกันภัยจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง
ถ้าหากพี่ๆ เป็นผู้ที่มีความชำนาญในการขับขี่ ทำประกันมาไม่เคยแจ้งเคลมเลยสักครั้งจิิ๊บขอแนะนำให้ทำประกันแบบมี Deductible เลยฮะ เพราะคุ้มกว่าเห็นๆ แต่ถ้าพี่ๆ ไม่มั่นใจในการขับขี่ของตนเองก็อย่าทำประกันแบบมี Deductible เพราะถ้าเกิดเหตุชนแล้วเป็นฝ่ายผิด พี่ๆ ต้องจ่ายเงินค่า Deductible เป็นรายเหตุการณ์ ยิ่งถ้าชนแล้วเป็นฝ่ายผิดบ่อยๆ ยิ่งขาดทุนมีแต่เสียกับเสียนะฮะแบบนี้
Pingback: ค่าเสียหายส่วนแรก Deductible VS Excess คืออะไร ต่างกันมากแค่ไหน !
Pingback: รู้เอาไว้ ! ไม่แจ้งเคลมประกันรถยนต์ ช่วยลดค่าเบี้ยประกันภัยได้ - Easyinsure