ยางแบบไหนเหมาะกับรถยนต์ของคุณ
ในเมื่อรถยนต์ในโลกนี้มีหลายแบบหลายขนาดและหลายวัตถุประสงค์การใช้งาน ผู้ผลิตยางรถยนต์จึงต้องออกแบบให้มีคุณสมบัติเฉพาะเพื่อรองรับกับการใช้งานในรถยนต์แต่ละประเภทให้เหมาะสมกัน ดังนั้นเราจึงต้องเลือกยางให้ถูกต้อง ไม่ใช่มองเพียงแค่ขนาดและความสวยงามเท่านั้น easyinsure จึงได้เล็งเห็นความสำคัญ
โดยทั่วไปแล้วยางรถยนต์ได้แบ่งออกเป็นประเภทหลักใหญ่ ๆ ได้ 3 ประเภท คือ ยางที่เหมาะสมกับรถเก๋งและรถสปอร์ต กลุ่มของยางที่ใช้กับรถยนต์นั่งเอนกประสงค์หรือรถเอสยูวี และกลุ่มสุดท้ายเป็นยางที่ใช้กับรถตู้และรถกระบะ นอกจากนี้ในแต่ละประเภทยังแบ่งแยกย่อยออกไปตามขนาดของตัวรถ กำลังของเครื่องยนต์ ลักษณะการใช้งาน เช่น ใช้บนถนนเรียบหรือถนนขรุขระ และความสามารถในการรับน้ำหนักบรรทุก
ยางสำหรับรถเก๋งและรถสปอร์ต
ยางในกลุ่มนี้เน้นการใช้งานบนถนนเรียบทั่ว ๆ ไป มีคุณสมบัติที่ให้การขับขี่ที่นุ่มนวล ยึดเกาะกับผิวถนนได้ดีและสามารถรีดน้ำออกจากหน้ายางได้ดีบนถนนเปียก ใช้ระยะในการเบรกที่สั้น ไม่มีเสียงดัง และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ยากรถสปอร์ตส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบที่ใช้เฉพาะด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น โดยด้านที่อยู่ด้านในมีหน้าที่รีดน้ำและฝังตัวเกาะถนนแน่น ส่วนด้านนอกจะมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ ลดการสึกหรอเมื่อเข้าโค้งแรง ๆ
ยางสำหรับรถยนต์นั่งเอนกประสงค์
ยางชนิดนี้แบ่งแยกย่อยออกเป็น 3 แบบ ซึ่งสังเกตได้จากลักษณะของดอกยางและร่องดอกยาง คือ ยางไฮเวย์เทอร์เรน มีไว้สำหรับใช้บนถนนลาดยางปกติดอกยางจะมีลักษณะคล้ายยางของรถเก๋งที่ให้ความเงียบและนุ่มนวล ยางออลเทอร์เรนเน้นการออกแบบให้มีร่องยางที่ใหญ่ขึ้นแต่ยังคงเงียบและนุ่ม รวมทั้งยังสามารถใช้งานได้ทั่วไปไม่ว่าจะเป็นถนนลาดยางหรือถนนฝุ่น ยึดเกาะได้ทุกสภาพผิวทาง เช่น หญ้า โคลน ดินหรือทราย เนื้อยางมีความทนทานกว่าแบบแรก และสุดท้ายยางมัดเทอร์เรนสำหรับใช้ลุยบนถนนที่มีอุปสรรคเช่นถนนที่เป็นหินกรวด หินขนาดใหญ่หรือลุยโคลนแบบออฟโรด เนื้อยางแข็งแกร่งมากแต่ขาดความนุ่มนวลเมื่อนำมาใช้บนถนนลาดยางหรือคอนกรีตจะมีเสียงดัง ยางสำหรับรถตู้และรถกระบะ หรือเข้ามาอ่านต่อ 5 เทคนิคขับรถยนต์สำหรับมือใหม่
ยางในกลุ่มนี้แบ่งเป็น 2 แบบ ได้แก่ ยางสำหรับการใช้งานทั่ว ๆ ไปไม่เน้นการบรรทุกหนัก ดอกยางจะออกแบบมาคล้ายกับยางที่ใช้ในรถเก๋ง แต่มีการเสริมความแข็งแกร่งเข้าไปที่แก้มยางและเนื้อยางเพื่อรองรับน้ำหนักบรรทุกที่มากกว่ารถเก๋ง ส่วนอีกแบบหนึ่งคือ ยางสำหรับรองรับน้ำหนักบรรทุกที่มากกว่าปกติจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นและยังเสริมโครงสร้างของยางด้วยเส้นใยเหล็กกล้าและเส้นใยสังเคราะห์เพิ่มความแข็งแรงขึ้นไปอีกขั้น
โดยทั่วไปแล้วหากได้รับการดูและที่ดีจากเจ้าของด้วยการสลับยางทุก ๆ 10,000 กม.อายุการใช้งานจะอยู่ที่ประมาณ 3 ปี หรือคิดเป็นระยะทางประมาณ 50,000 กม. แต่ถ้าหากตรวจพบว่ายางมีความผิดปกติเกิดขึ้น เช่น มีการสั่นหรือมีเสียงดังผิดปกติเมื่อรถวิ่งโดยใช้ความเร็วไปจนถึงระดับหนึ่ง หรือมีรอยฉีกขาดของหน้ายางหรือแก้มยางให้รีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านยางให้เปลี่ยนโดยเร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัยนะครับ