วิธีเลือกบริษัทประกันภัย
ทุกวันนี้การทำประกันภัยเป็นสิ่งจำเป็น ทั้ง ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันรถยนต์ เพราะชีวิตมีความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา การทำประกันภัยจึงเป็นทางเลือกที่ปัจจุบันนี้มีผู้นิยมทำกันมากขึ้น สังเกตได้จาก มีบริษัทประกันภัยเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งก็ถือว่าดี เพราะทำให้ผู้ทำประกันภัยมีตัวเลือกที่มากขึ้น แต่จะเลือกบริษัทไหนดีนี่สิ เป็นเรื่องใหญ่เลยล่ะ เพราะการตัดสินใจทำประกันภัยไปแล้ว ก็ต้องอยู่กับบริษัทประกันภัยนั้น อย่างน้อยก็ต้อง 1 ปี ถึงจะเปลี่ยนบริษัทใหม่ได้ การเลือกบริษัทประกันภัยจึงสำคัญ วันนี้ก็เลยเอาวิธีเลือกบริษัทประกันภัยมาฝาก ให้สำหรับคนที่กำลังทำประกันภัยกันค่ะ
วิธีเลือกบริษัทประกันภัย เบื้องต้น
1 เลือกบริษัทประกันภัยที่มีความมั่นคงทางการเงินสูง มีนโยบายชัดเจน มีความน่าเชื่อถือ มีเงินทุนหมุนเวียนสูง มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี เป็นบริษัทที่ก่อตั้งมานาน ไม่มีข่าวเสียหายทั้งตัวบริษัทและการเคลมประกันให้ลูกค้า และมีผู้ให้ความสนใจเข้าไปเป็นลูกค้าจำนวนมาก สังเกตจากคนรอบข้างเราก็ได้ว่า มีใครไหมที่ทำประกันภัยจากบริษัทนี้ แล้วมีใครบ้างที่เคลมประกัน และได้ผลเป็นอย่างไร ก็จะทำให้มั่นใจได้ระดับหนึ่ง ว่าบริษัทให้บริการอย่างเป็นมืออาชีพหรือไม่
2 บุคลากรและตัวแทน เป็นผู้มีความรู้ด้านการประกันภัยอย่างแท้จริง สามารถให้คำปรึกษาผู้ทำประกันภัยได้ครอบคลุม และสามารถแนะนำประกันภัยที่เหมาะสมกับลูกค้าได้ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ และความพร้อมทางด้านการเงิน หากตัวแทนมีความรู้และมีจรรยาบรรณ จะทำให้ผู้ทำประกันภัยได้ประโยชน์สูงสุด และได้ประกันภัยที่เหมาะกับตัวเอง หากตัวแทนไม่มีจรรยาบรรณ มุ่งยอดขายจนเกินไป จะทำให้ผู้ทำประกันภัยเสียประโยชน์ในการทำประกันภัยที่ไม่เหมาะสม แต่ต้องจ่ายแพงเกินความจำเป็น ดังนั้น ก่อนเลือกซื้อประกันภัย ตัวแทนเป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรให้ความสำคัญเช่นกันค่ะ
3 บริการหลังการขาย ข้อนี้สำคัญมาก เพราะการทำประกันภัย ผู้ทำประกันภัยทุกคนก็หวังที่จะได้รับการบริการที่ดี หรือได้รับผลประโยชน์จากกรมธรรมหากเกิดเหตุขึ้นมา เพราะมีให้เห็นหลายบริษัทมากที่กว่าจะได้เงินมามีขั้นตอนที่ยุ่งยาก และใช้เวลานาน บุคลากร หรือตัวแทนไม่ค่อยใส่ใจเร่งดำเนินการให้ ซึ่งข้อมูลพวกนี้ เราคงเคยพอได้ยินจากคนรอบข้างเรามาบ้าง ซึ่งถือเป็นข้อมูลชั้นดี ประกอบการพิจารณาทำประกันภัยเลยล่ะค่ะ หากบริษัทเคยมีประวัติมีปัญหาพวกนี้ก็ควรหลีกเลี่ยงซะ เพราะยังมีบริษัทประกันภัยอีกหลายบริษัทที่พร้อมให้บริการเราอย่างเต็มที่
4 มีการคิดอัตราเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมกับความเสี่ยง ไม่คิดเรทที่สูงเกินไป ซึ่งผู้ทำประกันภัย สามารถเอาหลายบริษัทมาเปรียบเทียบกันได้ อย่าเพิ่งตัดสินใจเพียงเพราะตัวแทนเขามาพูดจาดีกับเรา เราควรขอข้อมูลและนำไปเปรียบเทียบกับบริษัทเพื่อผลประโยชน์ของตัวเราเอง และผู้รับผลประโยชน์ที่จะได้รับหากเราเป็นอะไรไปในอนาคตด้วย
5 มีสาขาหรือศูนย์บริการครอบคลุมทุกพื้นที่ ติดต่อง่าย สะดวก ทั้งตัวแทน บริษัท ศูนย์บริการ เพราะหากเกิดปัญหาข้อสงสัย หรือเกิดเหตุไม่คาดฝันกับชีวิต จะได้ติดต่อได้ทันที ทำให้การประสานงานด้านต่างๆไม่ล่าช้า ผู้ทำประกันภัยก็ได้รับความสะดวกและบริการที่รวดเร็ว
6 การจ่ายค่าสินไหมทดแทนที่รวดเร็ว เป็นธรรมแก่ผู้เอาประกันภัย ไม่มีการตุกติกด้วยข้อกฎหมาย ไม่มีขั้นตอนวุ่นวายยุ่งยาก และตัวแทนก็ออกมาให้บริการที่รวดเร็ว ทำให้ผู้ประกันภัยได้รับความสะดวก และได้ค่าทดแทนอย่างเต็มที่ที่สมควรจะได้ เพราะเมื่อเกิดเหตุขึ้นมา ผู้เอาประกันภัยเป็นผู้ที่เดือดร้อนที่สุด จึงสมควรได้รับค่าสินไหมทดแทนอย่างเต็มที่ตามที่ระบุไว้ในกรรมธรรม
7 เลือกบริษัทประกันภัยที่ไม่ปกปิดข้อมูล บริษัทและตัวแทนต้องให้ความจริงกับผู้ทำประกันภัย ซึ่งตัวแทนที่ออกมาหาลูกค้า มักจะพูดถึงสิทธิประโยชน์แบบโอเวอร์ กว้างๆ ทำให้เราคิดไปเองว่าต้องได้เงินประกันอย่างเต็มที่โดยไม่บอกว่า เงื่อนไขที่จะได้มีอะไรบ้าง เหมือนพูดชวนเชื่อเพื่ออยากได้ยอดขาย แต่ไม่คำนึงถึงประโยชน์ที่ผู้ทำประกันภัยจะได้รับ ทำให้เราเสียผลประโยชน์ เมื่อเกิดเหตุมากลับไม่ได้รับความคุ้มครอง เพราะตัวแทนปกปิดข้อมูลบางส่วน ทำให้เสียเงินเสียเวลา เสียความรู้สึกอีกต่างหาก
การเลือกทำประกันภัย กับบริษัทไหนก็แล้วแต่ ผู้เอาประกันภัย ต้องคำสึงถึงสิทธิประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับ เพราะเราตั้งจ่ายเงินให้บริษัทประกันภัยทุกเดือน ทุกปี ซึ่งก็ไม่ใช่เงินน้อยๆ ดังนั้น เราก็ควรจะได้รับความคุ้มครอง และสิทธิประโยชน์ต่างๆอย่างเต็มที่ สมกับที่ต้องจ่ายเงินไป และควรได้รับการบริการทั้งก่อนการขายและหลังการขาย หากบริษัทบริการไม่ดี ควรเปลี่ยนบริษัทประกันภัยใหม่ อย่าเสียเวลา เพราะจะได้ไม่คุ้มเสีย ตอนนี้มีบริษัทประกันภัยมากมายให้เราเลือก ก่อนเลือกจึงควรพิจารณาให้ดี เพื่อตัวเราเองและคนที่เรารัก
เรียบเรียงบทความโดย EasyInsure