ติดแก๊สรถยนต์ NGV หรือ LPG แบบนี้ต้องแจ้งประกันหรือไม่
แก๊สธรรมชาติ (NGV) และแก๊สหุงต้ม (LPG) ได้ถูกนำเข้ามาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์มากขึ้น เนื่องจากการใช้แก๊สดังกล่าวสามารถลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงได้มากกว่าการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ราคาน้ำมันมีการปรับตัวสูงขึ้น หรือถึงแม้ว่าราคาน้ำมันจะมีการปรับตัวลงมาแต่ต้นทุนจากการใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงก็ยังคงถูกมากกว่าอยู่ดี ซึ่งเจ้าของรถที่มีความต้องการจะใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงนั้น จะต้องนำรถเข้าไปติดตั้งเพื่อให้ใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงได้เสียก่อน โดยสามารถนำไปติดตั้งกับอู่หรือศูนย์บริการที่มีวิศวกรรับรองมาตรฐานและความปลอดภัยในการติดตั้ง อีกทั้งจะต้องนำรถที่ผ่านการดัดแปลงแล้วไปแจ้งต่อกรมการขนส่งเพื่อลงทะเบียนเป็นรถยนต์ที่มีการดัดแปลงให้ใช้แก๊สธรรมชาติหรือแก๊สหุงต้มเป็นเชื้อเพลิงด้วย
เนื่องจากส่วนมากการติดตั้งระบบการใช้แก๊สสำหรับรถยนต์มักจะติดตั้งหลังจากซื้อรถจากตัวแทนขายแล้ว (รถยนต์บางยี่ห้ออาจมีการติดตั้งมาจากโรงงานผลิตโดยตรงแล้ว) ดังนั้นจึงมีคำถามว่ารถยนต์ที่มีการติดตั้งระบบแก๊สสามารถทำ ประกันรถยนต์ ได้หรือไม่ คำตอบคือสามารถทำ ประกันรถได้ปกติแต่ขั้นตอนสำคัญคือ การแจ้งให้ทางตัวแทนประกันทราบ ไม่ว่าจะเป็นก่อนจะทำการต่อประกัน หรือหลังจากที่ทำประกันไปแล้ว (ยังอยู่ในระยะประกัน) เพราะการติดตั้งระบบแก๊สถือเป็นการดัดแปลงรถยนต์รูปแบบหนึ่งเช่นเดียวกับการติดตั้งอะไหล่แต่งรถ
ข้อสงสัยถัดมาคือ ถ้าไม่แจ้งตัวแทนประกันว่าติดแก๊สเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์หรือไม่ คำตอบคือได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยมีข้อแม้ว่าถ้าเกิดความเสียหายกับระบบแก๊สจะไม่ได้รับการชดเชยค่าเสียหายจากทางบริษัทประกัน และที่สำคัญถ้าอุบัติเหตุหรือภัยร้ายนั้นมีสาเหตุมาจากระบบแก๊สก็จะไม่ได้รับการชดเชยค่าเสียหายให้แต่อย่างใด ทั้งหมดเกิดจากสาเหตุเพียงหนึ่งเดียวคือ ไม่ได้แจ้งตัวแทนประกันว่ามีการติดตั้งระบบแก๊สรถยนต์ สำหรับการแจ้งตัวแทนประกันนั้นจะต้องเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องอันได้แก่ ใบเสร็จชุดอุปกรณ์และสำเนาทะเบียนรถที่เปลี่ยนเป็นระบบแก๊สแล้ว (หรือสอบถามจากตัวแทนประกัน) ในส่วนของเบี้ยประกันภัย และเงื่อนไขกรมธรรม์อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ก็ได้แล้วแต่การพิจารณาของบริษัทประกันภัยรถยนต์
เมื่อทราบถึงผลเสียของการไม่แจ้งตัวแทนประกันในเรื่องการติดตั้งระบบแก๊สแล้ว ข้อควรปฏิบัติคือควรรีบแจ้งเรื่องให้ทางตัวแทนประกันภัยทราบ ส่วนสาเหตุที่ผู้ทำประกันส่วนใหญ่ไม่แจ้งกับทางตัวแทนประกันก็คือ กลัวว่าจะมีการเพิ่มเบี้ยประกันหรืออาจจะไม่รู้ก็ตาม แต่การเพิ่มเบี้ยประกันเพียงเล็กน้อยเทียบไม่ได้เลยกับการรับภาระค่าเสียหายที่เจ้าของรถจะต้องจ่ายเองเมื่อเกิดอุบัติหรือเหตุร้ายใดๆ กับตัวรถยนต์
ขอบคุณรูปภาพจาก ประกันภัยรถยนต์
