ประกันภัยรถยนต์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือภาคบังคับกับภาคสมัครใจซึ่งความหมายของประกันภัยทั้ง 2 ประเภทถือว่าเข้าใจได้จากชื่อประเภทอยู่แล้วบังคับคือต้องทำถ้าไม่ทำถือว่าผิดกฎหมาย
ส่วนประกันภาคสมัครใจคือแล้วแต่ความประสงค์ของเจ้าของรถหรือผู้ขับขี่และถ้าลงรายละเอียดเพิ่มเติมอีกสักนิดประกันภาคบังคับจะเกี่ยวข้องกับบุคคลคือเป็นหลักประกันว่าผู้เสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุนั้นจะได้รับการรักษาเยียวยาและประกันภาคสมัครใจจะเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินและบุคคลที่เกี่ยวข้อง
กรณีหนึ่งที่น่าสนใจก็คือเมื่อเกิดการชนแล้วเราเป็นฝ่ายผิดแต่เราไม่ได้ทำประกันภัยภาคสมัครใจเอาไว้ส่วนคู่กรณีมีประกันภัยชั้น 1 คุ้มครองอยู่สามารถแยกรายละเอียดเป็นหัวข้อได้ดังนี้
- แบ่งฝ่ายได้เป็น 2 ฝ่าย คือ ผู้ผิดที่ไม่มีประกันภาคสมัครใจ และคู่กรณีที่ถูกซึ่งมีประกันภัยภาคสมัครใจชั้น 1 ฝ่ายหลังจะมีเจ้าของรถกับตัวแทนบริษัทประกันรวมอยู่ด้วยกัน
- โดยหลักแล้วตัวแทนประกันจะเป็นคนเจรจาค่าเสียหายกับฝ่ายที่เป็นผู้ผิด ซึ่งผู้ผิดจะให้ใครมาช่วยเจรจาก็ได้แต่เมื่อตกลงค่าเสียหายกันได้แล้วเจ้าของรถจะต้องเป็นคนจ่ายค่าชดเชยทั้งหมดให้กับทางฝ่ายที่ถูก
- รายละเอียดการซ่อมของ ประกันภัยรถยนต์ชั้น1 คือซ่อมกับทางศูนย์บริการของรถยนต์ยี่ห้อนั้น หรืออู่นอกที่บริษัทประกันระบุไว้ และเมื่อซ่อมแล้วรถต้องมีสภาพเหมือนเดิม (หรือตามความพอใจของเจ้าของรถ)
- ฝ่ายที่ผิดต้องจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดในการซ่อมรถของอีกฝ่าย โดยไม่สามารถเรียกร้องให้นำรถคันที่ถูกชนไปซ่อมที่อู่อื่นได้ นอกเสียจากตกลงกับทางเจ้าของรถได้เท่านั้น (ซึ่งในความเป็นจริงเจ้าของรถที่เป็นฝ่ายถูกชนคงไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น)
- ในการตกลงค่าเสียหายที่เกิดจากการซ่อม ทางตัวแทนบริษัทประกันภัยจะเป็นคนดำเนินการ เริ่มจากการให้ฝ่ายที่ผิดลงชื่อยอมรับ และให้ทางศูนย์บริการหรืออู่ที่จะส่งซ่อมประเมินค่าเสียหายทั้งหมด หลังจากนั้นจะส่งจำนวนยอดค่าเสียหายให้กับฝ่ายผิด
- ถ้าฝ่ายที่ผิดไม่ยินยอมจะจ่ายค่าเสียหายตามที่ตัวแทนประกันแจ้งหรือไม่มีความสามารถในการจ่ายเต็มจำนวน ก็จะเกิดกระบวนการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากทางฝ่ายตัวแทนประกันต่อไป ซึ่งผลออกมาโดยมากคือ ฝ่ายผิดจะต้องจ่ายค่าเสียหายตามจำนวนตัวเลขที่ศาลตัดสินออกมา โดยในกรณีที่ฝ่ายผิดไม่สามารถจ่ายได้เต็มจำนวน อาจจะมีคำสั่งให้ผ่อนจ่ายเป็นงวดจนครบจำนวน
จากลำดับขั้นตอนเหตุการณ์ที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่าฝ่ายที่ผิดแล้วไม่มีประกันภัยรถยนต์ชั้นใดเลยจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับคู่กรณี รวมถึงเวลาที่เสียไปกับขั้นตอนต่างๆ ดังนั้นเจ้าของรถควรพิจารณาการทำประกันรถยนต์ตามประเภทที่เหมาะสมกับตนเอาไว้สักหน่อยก็จะเป็นการบรรเทาทั้งทรัพย์สินและเวลาที่เสียไปได้
ผมไปชนรถเบนซ์แล้วขาผมหักรักษาตัว7เดือนแล้วประกันรถเบนซ์ส่งจดหมายมา2ครั้งแล้วให้ชดเชยค่าเสียหาย53,997บาทผมก็ไม่โทรกลับไปเพราะไม่มีเงินจ่ายแล้วผมยังเรียนอยู่ไม่มีเงินให้ควรทำยังไงดีครับครอบครัวฐานะก็ไม่รวยค่าเทอมก็ผ่อนจ่ายอยู่แถมผมรักษาตัว7เดือนกว่าจะเดินได้แต่ก็ยังเดินได้ไม่ปกติ
เราเป็นฝ่ายผิด แต่เราไม่พร้อมจ่ายยอดทั้งหมด ขอผ่อนจ่าย เราต้องคอยให้ทนายติดต่อมาหรือว่ายังไงค่ะ ขอคำเเนะนำด้วยค่ะ / ขอบคุณค่ะ
เราเป็นฝ่ายผิดแต่มี พรบ ประกันชั้น1 แต่คู่กรณีเป็นมอร์เตอร์ไซร์ และ ไม่มีพรบ ภาษีรถขาด แต่มีคนเจ็บ1คน ทางเราให้ค่าทำขวัญไป5,000 และซ่อมรถให้ ส่วนผู้บาดเจ็บส่งไปรักษาตัวที่ รพ แต่เค้าใช้สิทธิ์ประกันสังคมเค้าเอง และจะมาเรียกร้องค่าสินไหมกับทางเรา (ไม่ผ่านประกันฯ) แบบนี้เราจะทำยังไงให้จบครับ เพราะเค้ารักษาตัวมา15 วัน แต่เหมือนยังหายไม่สนิท มีหน้าชา ตามองไม่ชัด
ในกรณีเราผิดยอมซ่อมรถให้.จ่ายให้ตามที่ศูนย์ซ่อมระบุมา.แล้วเขาขอเงินค่าตกใจหรือทำขวัญให้คนเจ็บก้อนหนึ่ง..แล้วถ้าเราไม่จ่ายผิดไหม
..ก่อนหน้านี้ตกลงกันที่สถานีแล้วโดยเราคิดว่ามันไม่ยุติธรรมกับเราเลยขอคำปรึกษาด้วยค่ะ
เราเป็นฝ่ายผิดแต่เราขาหักฝ่ายถูกไม่เป็นไรเลยแล้วยังจะให้เราซ่อมรถให้อีกควรทำอย่างไร
เราเป็นรถมอเตอรไซต์เขาเป็นรถเก๋งเราข้ามถนนไม่เห็นเขา
เรียนคุณ : ประทิน
หากเราเป็นฝ่ายผิด แล้วไม่ได้ทำประกันรถเอาไว้ เราจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายให้กับคู่กรณีที่เป็นฝ่ายถูกนะครับ ในส่วนเรื่องของขาหัก หากทำ พ.ร.บ. เอาไว้สามารถนำค่ารักษาพยาบาลไปเบิกได้นะครับ ตามเงื่อนไขดังนี้ : https://www.easyinsure.co.th/news/?p=4444
แล้วถ้าในระหว่างที่คุ่กรณีไม่มีเงินจ่ายตามจำนวนที่ประกันอีกฝ่ายออกใบแจ้งให้ชดใช้ทั้งหมด รถคันที่เป็นฝ่ายถูกจะซ่อมยังไงครับ หรือประกันชั้น1ฝ่ายที่ถูก เค้าจะสำรองจ่ายค่าซ่อมให้คันฝ่ายถูกซ่อมได้เลยใช่ไหมครับ แล้วเรื่องเรียกร้องเงินค่าซ่อมอีกฝ่าย เป็นหน้าที่ของประกันชั้น1ฝ่ายที่ถูก ไปตามเองกับฝ่ายผิดรึป่าวครับ