ปัญหาโดยส่วนมากของผู้ขับขี่รถยนต์ที่ทำประกันภัยคือเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเสียหายจนถึงขั้นต้องซ่อมใหญ่สามารถเคลมค่าเสียหายกับทางบริษัทประกันได้หรือไม่ ซึ่งปัญหานี้สามารถหาคำตอบได้ไม่ยากแต่เนื่องด้วยว่าการเคลมประกันภัยมักจะต้องมีเรื่องของรายละเอียดในกรมธรรณ์มาเกี่ยวข้องซึ่ง อาจจะเป็นภาษาทางกฎหมายที่อ่านแล้วเข้าใจยาก แต่กระนั้นผู้ทำประกันควรศึกษารายละเอียดกรมธรรณ์บ้าง หรือสอบถามรายละเอียดให้เข้าใจชัดเจนจากตัวแทนประกันก่อนที่จะจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันก็ได้
น้ำท่วมรถ สรุปเคลมประกันภัยได้ไหม
น้ำท่วมสามารถเคลมประกันได้หรือไม่ ก่อนอื่นต้องดูว่าผู้ทำประกันภัยได้ทำประกันภัยรถแบบใดมา ซึ่งภัยจากน้ำท่วมไม่ได้รับค่าชดเชยจากประกันภัยประเภท พรบ.อยู่แล้ว
- ประกันภัยชั้น 1 สามารถเคลมค่าเสียหายจากการเกิดน้ำท่วมได้ทุกกรณี ยกเว้นผู้ขับขี่จงใจให้น้ำท่วมรถ
- ประกันภัยชั้น 2 ครอบคลุมภัยจากธรรมชาติ แต่เนื่องจากรายละเอียดกรมธรรณ์แต่ละบริษัทประกันไม่เหมือนกัน ดังนั้นผู้ทำประกันต้องสอบถามหรืออ่านรายละเอียดให้ดีเสียก่อน เพราะบางบริษัทก็เคลมได้ (อาจจะเคลมได้ในวงเงินไม่มาก) บางบริษัทก็ระบุไว้ว่าไม่รับเคลมกรณีน้ำท่วม อีกทั้งประกันชั้น 2 ยังมีแบบธรรมดา และแบบ 2+ ซึ่งเพิ่มความครอบคลุมขึ้นมาอีก
- ประกันภัยชั้น 3 ส่วนมากแล้วประกันภัยประเภทนี้มักไม่คุ้มครองภัยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่บางบริษัทประกันอาจเสนอเพิ่มเติมเข้ามาให้ผู้ซื้อประกันเลือกได้ ในส่วนนี้ผู้ทำประกันต้องสอบถามจากผู้ขายให้แน่ชัดว่าเคลมได้ในกรณีใดบ้าง และเคลมได้วงเงินเท่าใด
จากตัวอย่างที่ยกมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า ประกันภัยชั้น 1 เป็นประกันภัยที่สามารถเคลมค่าเสียหายน้ำท่วมได้ แต่เบี้ยประกันจะมีราคาสูงที่สุดเมื่อเทียบกับประกันภัยชั้น 2 และ 3 ส่วนการเคลมประกันจากกรณีน้ำท่วม ประกันภัยชั้น 2 และ 3 ก็อาจจะเคลมได้ขึ้นอยู่กับข้อเสนอและรายละเอียดในกรมธรรณ์แต่อาจจะเคลมได้วงเงินค่าชดเชยที่น้อยกว่า
เมื่อการเคลมประกันภัยจากน้ำท่วมได้แล้ว กระบวนการแรกเลยคือการแจ้งตัวแทนประกันให้เข้ามาประเมินความเสียหายเบื้องต้น จากนั้นทางตัวแทนจะออกใบเคลมให้กับทางเจ้าของรถนำไปติดต่อกับทางศูนย์บริการหรืออู่ที่ต้องการจะเข้าซ่อม จากนั้นศูนย์หรืออู่เหล่านี้จะประเมินราคาค่าซ่อมให้ทั้งหมดและแจ้งให้กับทางบริษัทประกันทราบ เมื่อบริษัทประกันตอบตกลงในราคาค่าซ่อมนั้นแล้วทางศูนย์หรืออู่ก็จะซ่อมแซมให้รถกลับมาอยู่ในสภาพปกติ ซึ่งทั้งหมดนี้จะใช้เวลามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำงานของศูนย์หรืออู่นั้นๆ เจ้าของรถสามารถสอบถามความคืบหน้าได้จากศูนย์หรืออู่เหล่านั้นโดยตรง
อีกกรณีของการเคลมประกันภัยน้ำท่วมคือ ถ้าบริษัทประกันประเมินแล้วว่าไม่สามารถซ่อมให้กลับมาเหมือนเดิมได้ ก็จะจ่ายค่าชดเชยตามทุนประกันที่ได้ตกลงกันไว้ ส่วนเจ้าของรถก็นำเงินค่าชดเชยนั้นไปใช้ได้ตามความต้องการ
ขอบคุณภาพจาก Auto Sanook