รถยนต์แต่ละประเภทจะมีความสามารถในการวิ่งบนพื้นที่แต่ละแบบแตกต่างกัน ในเบื้องต้นผู้ขับขี่ต้องประเมินเสียก่อนว่ารถยนต์ที่ตนใช้อยู่เป็นรถยนต์ประเภทไหน ระบบขับเคลื่อนเป็นอย่างไร เช่น ขับเคลื่อน 2 ล้อหรือ 4 ล้อ ความสูงของตัวรถเมื่อนับจากพื้นจนถึงท้องรถอยู่ที่เท่าไร เมื่อประเมินแล้วจะทราบว่าเส้นทางแบบไหนบ้างที่สามารถวิ่งได้และแบบใดที่ไม่สามารถวิ่งได้ แต่บางครั้งก็อาจจำเป็นจะต้องวิ่งไปในเส้นทางนั้นๆ และนำไปสู่การติดหล่มจนรถเคลื่อนที่ไม่ได้ เบื้องต้นเมื่อรถติดหล่มไม่ควรฝืนเหยียบคันเร่งเป็นเวลานานๆ เพราะจะทำให้ยิ่งติดหล่มหนักขึ้น เครื่องยนต์ทำงานหนักและยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เหล่านี้เป็นวิธีในการนำรถขึ้นมาจากหล่ม
4 เคล็ดลับ พิชิตเมื่อรถยนต์ติดหล่ม
- ลองสลับเดินหน้าและถอยหลังดู ถ้ารถยังพอขยับได้นิดหน่อยก็เป็นสัญญาณบอกว่ารถไม่ได้ติดหล่มหนักจนเกินไป ให้ผู้ขับขี่เดินหน้าและถอยหลังสลับกันเป็นระยะๆ ให้เกิดแรงเหวี่ยง จนเมื่อถึงจังหวะที่ล้อรถขึ้นมาสูงแล้วจึงเหยียบคันเร่งเพื่อให้ล้อหลุดออกมาจากหล่มนั้น
- ใช้วัสดุจำพวกก้อนหินหรือท่อนไม้ที่แข็งแรง หนุนด้านที่ผู้ขับขี่ตั้งใจจะนำรถออก เช่น ตั้งใจจะเดินหน้าออกจากหล่มก็ให้นำก้อนหินที่เหมาะสมหรือท่อนไม้วางด้านหน้า ซึ่งวัสดุเหล่านี้จะช่วยเพิ่มแรงเสียดทานระหว่างล้อกับพื้นทำให้รถวิ่งออกจากหล่มได้
- การใช้อุปกรณ์ช่วยซึ่งจะเห็นได้ในต่างประเทศที่มีหิมะอยู่บนถนน เช่น โซ่ผูกล้อ
- การลากรถออกมาจากหล่ม ซึ่งเป็นวิธีที่ฟังดูเหมือนจะไม่ยาก แต่เจ้าของรถต้องทำความเข้าใจกับจุดที่ใช้ในการลากรถของตัวเอง โดยสามารถศึกษาได้จากคู่มือที่ติดมากับรถ การลากรถสามารถลากได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยบริเวณที่เป็นจุดลากรถด้านหน้าต้องใช้อุปกรณ์ที่ติดมากับตัวรถ (รวมอยู่กับแม่แรงรถ) และจุดลากรถด้านหลังจะมีลักษณะเป็นเหล็กหนาที่มีรูสำหรับเกี่ยวกับตะขอหรือเชือก
กรณีการลากรถมีข้อควรระวังอื่นๆ เพิ่มเติมอีก ได้แก่
- ควรศึกษาจุดหรือตำแหน่ง ที่ใช้ลากรถให้ดี เพราะถ้าใช้ผิดจุดจะทำให้ตัวรถหรือเครื่องยนต์เกิดเสียหายได้
- ระหว่างลากรถควรติดเครื่องรถไว้และผู้มีขับขี่ช่วยเร่งเครื่องช่วยร่วมไปด้วย ไม่ควรให้รถลากไปในสภาพที่อยู่ในเกียร์ P เพราะจะทำให้ระบบขับเคลื่อน เฟือง เพลาของรถ เสียหายได้
นี่เป็นวิธีการเบื้องต้นในการแก้สถานการณ์รถติดหล่ม ถ้าเป็นไปได้ผู้ขับขี่ไม่ควรเสี่ยงขับเข้าไปในจุดที่ไม่มั่นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับรถในเวลามืดค่ำบนถนนดินที่มีฝนตกหรือมีน้ำท่วมขัง จะทำให้ผู้ขับขี่ประเมินสภาพถนนได้ยาก และจะยิ่งเพิ่มโอกาสให้รถติดหล่มมากยิ่งขึ้น
ขอบคุณรูปจาก JayJay ประดับยนต์