การใช้รถใช้ถนนไม่ได้มีแค่เฉพาะคนขับรถเท่านั้น ยังรวมไปถึงคนเดินเท้าที่ร่วมทางด้วย จะเห็นว่าวิธีในการข้ามถนนของบ้านเรามีอยู่สองแบบ ก็คือ แบบที่เป็นสะพานลอยและแบบทางม้าลาย ตรงไหนที่เป็นสะพานลอยก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าห่วงนัก หากคนเดินเท้าใช้บริการสะพานลอยอย่างถูกต้อง ไม่ใช่มาวิ่งข้ามตามเงาข้างใต้ของสะพานลอย ส่วนทางม้าลาย เอาเข้าจริงมันคือจุดที่เตือนให้ทั้งคนขับรถและคนเดินเท้าระมัดระวังซึ่งกันและกัน ไม่ได้เป็นทางที่สร้างไว้เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง
เบรกกะทันหัน ให้คนข้ามทางม้าลาย แล้วรถชนท้าย แบบนี้ใครผิด
ทีนี้ประเด็นที่มักเกิดกับทางม้าลายก็คือ รถวิ่งมาด้วยความเร็วในขณะที่คนเดินข้ามทางม้าลายก็อาจจะไม่ทันมองหรือไม่ทันระวังให้ดี เมื่อมาถึงระยะกระชั้นชิด รถที่วิ่งมาก็เลยต้องเบรกกะทันหันเพื่อไม่ให้พุ่งเข้าชนคนเดินถนน ปัญหาก็คืออาจจะเกิดเหตุชนท้ายจากจุดนี้ได้ นั่นคือรถคันที่ตามหลังรถคันแรกมา เมื่อเจอคันแรกเบรกกะทันหัน คันหลังก็อาจจะเบรกไม่ทัน ชนท้ายคันหน้าเข้าอย่างจังได้เลย เชื่อเลยว่าถ้าเกิดเหตุนี้ขึ้นคนขับรถคันแรกจะต้องหัวเสียอย่างที่สุด เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหา แต่เป็นคนเดินข้ามนั่นแหละที่ทำให้เขาต้องหยุดอย่างรวดเร็วอย่างนี้ ความจริงแล้วกรณีแบบนี้ใครกันแน่ที่ผิด
เราสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเด็น คือ เหตุชนท้าย ประเด็นนี้รถคันหลังที่เบรกไม่ทันแล้วชนรถคันหน้านั่นแหละที่ผิด การอ้างว่าคันหน้าเบรกกะทันหันก็ไม่ได้ เพราะตามกฎจราจรที่ถูกต้องมีข้อกำหนดที่ระบุว่าต้องรักษาระยะห่างจากคันหน้า ซึ่งเป็นระยะที่เพียงพอจะหยุดรถได้ทันแม้จะเป็นการเบรกแบบกะทันหันก็ตามที ประเด็นที่สองก็คือเรื่องระหว่างคนขับรถคันแรกกับคนข้ามทางม้าลาย ถามว่าใครผิด คงเป็นคนข้ามถนนหน่ะสิที่ข้ามโดยที่ไม่มองอะไรเลย เอาตามความรู้สึกก็ควรจะผิด แต่ถ้าตามหลักการแล้วคนที่ต้องรับผิดชอบความผิดนี้ก็คือ คนขับรถ เพราะมีข้อกำหนดว่ารถจะต้องหยุดในระยะที่ถูกต้องก่อนจะถึงทางม้าลาย อย่างไรก็ตาม อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าทางม้าลายเป็นทางที่ทั้งคนเดินและคนขับต้องช่วยกันระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุยุ่งยากอย่างที่กล่าวมา ดีกว่าจะมัวมาหาว่ากรณีนี้ใครบ้างที่จะผิด เธอหรือฉันหรือใคร นอกจากจะไม่ช่วยให้ปัญหาคลี่คลายไปอย่างรวดเร็วแล้ว ยังต้องอารมณ์เสียโดยไม่จำเป็นอีกด้วย คราวหน้าเจอทางม้าลายเมื่อไรก็ระวังกันนะ
ขอบคุณภาพจาก Pajerosport-Thailand
