วันนี้มีเรื่องมาเล่าให้ฟังกับการทประกันรถตู้ ซึ่งรถเรานั้นเพิ่งถอยป้ายแดงออกมาใหม่ๆ เป็นรถตู้จดทะเบียนบุคคล และมีการตกแต่งภายในหลายๆอย่าง ซึ่งทาง ประกันภัยรถยนต์ แนะนำว่าให้เราเพิ่มทุนประกัน
ตอนแรกก็งงๆว่าทำไมต้องเพิ่ม ทางพนักงานเขาก็แนะนำมาว่ารถเราแต่งอุปกรณ์เพิ่มหลายอย่างและมีมูลค่าค่อนข้างสูง เขาบอกว่าถ้าไม่เพิ่มทุนประกันเพื่อคุ้มครองอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมหากเวลาที่เกิดเหตุขึ้นมาแล้วภายในได้รับความเสียหายเราจะไม่สามารถเคลมได้ในส่วนนี้ ซึ่งเรื่องนี้เราไม่เคยรู้มาก่อนเลย คิดว่าถ้าเราทำประกันชั้น 1 แล้วมันจะครอบคลุมทั้งหมด ซึ่งในความเป็นจริงจะครอบคลุมให้เฉพาะอุปกรณ์ที่มากับรถเท่านั้น ในส่วนที่เราเพิ่มเติมตกแต่งเข้ามาใหม่นั้นเราต้องแจ้งประกันและเพิ่มทุนเพิ่มความคุ้มครองจึงจะสามารถเคลมได้หากเกิดเหตุ
ซึ่งเราได้รับความคุ้มครองทั้งตัวรถและอุปกรณ์ตกแต่งภายในทั้งหมดซึ่งรวมๆแล้วค่าตกแต่งก็หลายแสนทั้งเบาะนั่งภายในทั้งหมด การตกแต่งภายในรอบคัน , อุปกรณ์อย่างเครื่องเสียง,โทรทัศน์ ,ก็ได้รับความคุ้มครองจาการเพิ่มทุนประกันและยังเพิ่มความคุ้มครองกับผู้โดยสารด้วยเพราะรถตู้ของเราอยู่ในข่ายรถส่วนบุคคลเพราะนั่งไม่เกิน 12 ที่นั่ง แม้ว่าเบี้ยประกันจะสูงตามจำนวนทุนประกันที่คุ้มครอง
แต่เราคิดแล้วว่ามันคุ้มมากกว่าหากเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งรถตู้ส่วนใหญ่หากไม่ใช่รถตู้ส่วนบุคคลก็มักจะทำประกันชั้น 1 แบบธรรมดาไม่เพิ่มทุนและมักทำกันในปีแรกเท่านั้น แต่จริงๆแล้วควรทำชั้น 1 และเพิ่มทุนคุ้มครองเหมือนทีทำในปีแรก เพราะอายุการใช้งานรถและอุปกรณ์ต่างๆนั้นมันหลายปีหากเลือกความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งหมดจะดีกว่าและในปีต่อๆไปเบี้ยประกันจะไม่สูงเหมือนปีแรกด้วย
ซึ่งจริงแล้วทางพนักงานแจ้งว่ารถยนต์ทุกรุ่นที่ทำประกันรถยนต์นั้นหากมีการตกแต่งอุปกรณ์ต่างๆเพิ่มเติมจากที่มีติดมากับตัวรถนั้น ควรแจ้งพนักงานเพื่อเพิ่มทุนประกันในส่วนที่ตกแต่งเพิ่มมาด้วยทั้งหมดหากอุปกรณ์เหล่านั้นมีราคาสูงและคิดว่าจำเป็นต้องได้รับความคุ้มครอง
ซึ่งในกรณีนี้หลายคนมองข้ามไปเพราะคิดว่าแต่งนิดๆหน่อยของราคาไม่ได้แพงอะไรมากมาย แต่พอเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันและนำรถเข้าอู่ซ่อมเพื่อเช็คความเสียหายและตีราคาค่าซ่อมหรือราคาเปลี่ยนอะไหล่รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆก็ อู่ประกันมักจะปฏิเสธการซ่อมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์เพิ่มเติมให้แม้รถเราจะประกันชั้น 1 ตามซึ่งอู่ประกันเขาจะทราบดีว่าอุปกรณ์ชิ้นไหนเป็นอุปกรณ์พื้นฐานและมาตรฐานที่มากับรถยนต์รุ่นนั้นๆ
และชิ้นไหนที่เจ้าของรถเพิ่มเติมมาเอง แม้เราจะเถียงหรือต่อรองยังไงเขาก็ไม่เปลี่ยนแลซ่อมให้แน่นอน (อะไรคะ) แต่หากเราเพิ่มทุนประกันหรือแจ้งความคุ้มครองไว้ ทางพนักงานทีทำเรื่องการเคลมให้เราเขาจะระบุในเอกสารการเคลมที่เราต้องนำไปยื่นแจ้งซ่อมที่อู่ประกันให้ ว่าเราได้รับความคุ้มครองการซ่อม,การเปลี่ยนในอุปกรณ์ชิ้นนั้นๆด้วย
เราหวังว่าคำแนะนำที่เราได้จากพนักงานของบริษัทประกันที่ได้แนะนำเรามาและเรานำมาบอกเล่าให้เพื่อนๆได้อ่านกันนี้ คงจะมีประโยชน์บ้างสำหรับคนที่ชอบแต่งรถไม่ว่าจะเป็นรถตู้หรือรถยนต์ จะได้เลือกทำประกันให้คุ้มครองอุปกรณ์ตกแต่งเหล่านั้นด้วยเพราะแต่ละชิ้นราคาไม่ใช่น้อยๆเลยทีเดียว
เรียบเรียงโดย easyinsure.co.th
