ไม่ว่าจะทำประกันอะไร ทั้งประกันชีวิต และ ประกันภัยรถยนต์ กรมธรรม์ คือสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้เอาประกันรวมถึงทายาทหรือผู้รับผลประโยชน์ของผู้ทำประกันด้วย แต่นิสัยทั่วไปของคนไทยนั้นกว่า 70% ไม่อ่านกรมธรรม์หรือศึกษาข้อมูลต่างในกรมธรรม์ ทั้งที่ กรมธรรม์ จะเป็นตัวระบุความถูกต้องของการอยู่ในประกัน การรับผลประโยชน์ต่าง ๆ
ยกตัวอย่างเช่น กรมธรรม์ประกันรถยนต์ จะเป็นกรมธรรม์ที่เราเข้าถึงได้ง่ายที่สุดแต่คนมีรถทุกเกือบคนซื้อประกันแล้วไม่อ่านพอเกิดเหตุก็จะบอกว่า ฉันมีประกันชั้น1 หรือ รอประกันเดี๋ยวประกันจ่าย แต่หากคุณไม่อยู่ในขอบเขตความคุ้มครองรับรองไม่ได้อะไรแน่ๆ หรือ หากผิดข้อตกลงในกรมธรรม์ก็จะไม่ได้อะไรเช่นกัน ดังนั้นจงจำไว้ว่า กรมธรรม์สำคัญมากและควรศึกษาข้อมูลต่างๆด้วย
แต่เหตุที่คนไม่สนใจกันมากนักเพราะมันเป็นภาษากฎหมาย บางข้ออาจตีความได้หลายอย่างทำให้หลายคนไม่สนใจที่จะศึกษาหาข้อมูล พอเกิดเหตุก็มาเถียงกันกับพนักงานทำเคลมหรือเจ้าหน้าที่ประกันและกลายเป็นเหตุที่ไม่พอใจและแจ้งยกเลิกกันไปในที่สุด ซึ่งเราจะยกตัวอย่าง ภาษาประกันมาให้ดูเช่น
พิการ ภาษา ประกันจะเขียนว่า การสูญเสียโดยถาวรสิ้นเชิง หรือ การสูญเสียสมรรถภาพในการใช้งานของอวัยวะส่วนนั้นๆโดยถาวรสิ้นเชิง ซึ่งจากภาษาประกันหรือภาษากฎหมายนี้จะมีช่องโหว่คือหาก เราเกิดเหตุแล้วขาหักกลับมาเดินได้ไม่เหมือนเดิมเราก็จะตีความว่าพิการกันไปเลย แต่ประกันจะไม่ตีว่าพิการโดยจะดูจากคำวินิจฉัยของแพทย์เป็นหลักหากแพทย์เขียนว่า ทุพพลภาพถาวร นั่นคือเราจะได้ค่าชดเชยที่สูงตามกรมธรรม์ แต่หากแพทย์เขียนว่า ขาหักตรงส่วนนั้นส่วนนี้ นั่นคือยังไม่ได้หมายความว่าพิการหรือใช้งานไม่ได้ เราก็ได้เงินชดเชยแค่บาดเจ็บ ซึ่งเคสนี้เคยมีเถียงและฟ้องร้องกันมาแล้ว
จากตัวอย่างที่ยกมาจะเห็นได้ว่าเราต้องศึกษาข้อกรมธรรม์ต่างให้ละเอียดถี่ถ้วนถ้าไม่เข้าใจก็ต้องหาข้อมูล หรือสอบถามกับหน่วยงานที่ดูแลกำกับการประกันภัยรถยนต์ เพื่อให้เราได้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพราะภาษาประกันภัยหรือภาษากฎหมายนั้นจะมีความหมายที่แตกต่างจากความเข้าใจของคนทั่วไปอยู่มาก ไม่ว่าจะเคลมคน หรือเคลมรถ ภาษากรมธรรม์ก็จะคล้ายๆกัน การตีความต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้ที่เกี่ยวข้องเช่น เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ประกัน , เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเหตุ เป็นต้น หากเราไม่มีความรู้อะไรเลยหากไปเจอพนักงานเคลมประกันหรือบริษัทประกันที่เอาเปรียบเราก็จะเสียผลประโยชน์ได้ง่าย ๆ
กรมธรรม์ไม่ใช่ยาขมหรือหนังสือที่อ่านไม่ออก เราควรอ่านและทำความเข้าใจนอกจากตัวกรมธรรม์แล้ว หนังสือแนบท้ายต่างๆ หรือส่วนเสริมนอกเหนือจากตัวกรมธรรม์เราก็ต้องศึกษาข้อมูลด้วยเช่นกันเพราะนั่นคือข้อมูลการรับผลประโยชน์ของเราและทายาทโดยตรงหากเราประสบอุบัติเหตุเจ็บหนัก รถเสียหายเยอะ หรือ เสียชีวิต หากเรารู้ไม่เท่าทันกรมธรรม์เราก็อาจเสียผลประโยชน์ที่ควรจะได้ แต่ไม่ใช่ว่าศึกษาแล้วเอาช่องโหว่หรือภาษากฎหมายกลับมาหาประโยชน์จากการประกันเพราะหากทำเช่นนั้นเราเสี่ยงกับการโดนจับข้อหาทุจริตและฉ้อโกงได้บอกเลยได้ไม่คุ้มเสียเสี่ยงเอาตัวเข้าคุกซะเปล่าๆ ซึ่งมีกรณีโกง ประกันภัยรถยนต์ จนฟ้องศาลกันมาแล้วนะจะบอกให้
แนะนำบทความโดย easyinsure.co.th