5 เหตุผลที่ไม่ควรเคลมประกันบ่อย

🛑 5 เหตุผลที่ไม่ควรเคลมประกันบ่อยเกินไป 🚘
แม้ว่าอุบัติเหตุจะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว “การแจ้งเคลมประกัน” ก็คือกระบวนการที่ตามมาโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจไม่รู้ว่า “การเคลมบ่อยเกินความจำเป็น” ไม่เพียงส่งผลต่อเบี้ยประกันภัยในปีถัดไป แต่ยังส่งผลกระทบต่อสถานะของผู้เอาประกันในระยะยาวอีกด้วย

ต่อไปนี้คือ 5 เหตุผลสำคัญที่ควรพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจแจ้งเคลมประกันทุกครั้ง:

🔹 1. การเคลมบ่อยสร้างประวัติ “ผู้ขับขี่เสี่ยงสูง”
ทุกครั้งที่คุณแจ้งเคลมกับบริษัทประกันภัย ระบบจะมีการบันทึกประวัติไว้เสมอ โดยไม่จำกัดว่าคุณเป็นฝ่ายถูกหรือผิด หากมีประวัติการเคลมถี่เกินไป บริษัทประกันจะเริ่มมองว่าคุณเป็นผู้ขับขี่ที่มีความเสี่ยงสูง

ความเสี่ยงนี้ ไม่ได้หมายถึงแค่การขับขี่ไม่ปลอดภัยเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายรวมถึงความถี่ในการเรียกร้องสินไหมอีกด้วย ซึ่งในมุมของบริษัทประกัน ความถี่ที่มากเกินไปอาจเป็นภาระทางการเงิน ส่งผลให้เบี้ยประกันของคุณในปีต่อไป “พุ่งสูงขึ้นทันที” โดยเฉพาะหากเป็นประกันชั้น 1

🔹 2. เสียเวลาในการซ่อมและรอคิวเคลม
การแจ้งเคลมไม่ใช่เรื่องสะดวกเสมอไป หากคุณเคยมีประสบการณ์นำรถเข้าศูนย์หรืออู่ซ่อม จะรู้ดีว่ากระบวนการทั้งหมดตั้งแต่
การแจ้งเคลม → รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ → นัดหมาย → เข้าซ่อม → รอรับรถ
ทั้งหมดนี้อาจใช้เวลาตั้งแต่ 3 วัน ไปจนถึงหลายสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของอู่หรือศูนย์ซ่อม และจำนวนคิวที่รออยู่

บางครั้งความเสียหายมีแค่เพียงรอยถลอกจากการจอดชนเบา ๆ แต่ผู้เอาประกันเลือกแจ้งเคลมทุกครั้ง สิ่งที่ตามมาคือการเสียเวลาทั้งของคุณเอง และคนรอบข้าง รวมถึงค่าใช้จ่ายแฝงระหว่างรอรถ เช่น ค่าเดินทาง ค่าเสียเวลาทำงาน หรือแม้กระทั่งการต้องใช้รถเช่าระหว่างรอซ่อม

🔹 3. พลาดสิทธิส่วนลดเบี้ยประกัน “ประวัติดี”
หนึ่งในสิทธิพิเศษที่สำคัญของผู้เอาประกันภัยคือ ส่วนลดประวัติดี หรือที่เรียกว่า “No Claim Bonus” ซึ่งบริษัทประกันจะมอบให้กับผู้ที่ไม่มีการเคลมตลอดระยะเวลา 1 ปี

รายละเอียดของส่วนลดมีดังนี้:

ปีที่ 1 ไม่มีเคลม รับส่วนลด 20%

ปีที่ 2 ไม่มีเคลมต่อเนื่อง รับส่วนลด 30%

ปีที่ 3 ไม่มีเคลมต่อเนื่อง รับส่วนลด 40%

ปีที่ 4 ขึ้นไป ไม่มีเคลม รับส่วนลดสูงสุด 50%

หากคุณเลือกที่จะเคลมทุกครั้งแม้เป็นกรณีเล็กน้อย คุณจะเสียสิทธิส่วนลดเหล่านี้ทันที และทำให้เบี้ยประกันภัยในปีถัดไป “กลับมาเต็มราคา” หรืออาจ “สูงขึ้น” หากมีประวัติเคลมบ่อย

🔹 4. เบี้ยประกันภัยในปีต่อไปอาจแพงขึ้นกว่าเดิม
การเคลมแม้เพียงครั้งเดียวอาจไม่มีผลชัดเจน แต่หากคุณมีการเคลม 2–3 ครั้งในปีเดียวกัน ย่อมส่งผลต่อการพิจารณาเบี้ยในปีถัดไปโดยตรง บริษัทประกันจะใช้ข้อมูลนี้ในการคำนวณเบี้ยประกันปีถัดไป ซึ่งมักจะแพงขึ้นแม้คุณจะยังใช้รถคันเดิมก็ตาม

ยกตัวอย่าง:

นาย A และนาย B ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ในราคา 15,000 บาท

รถทั้งสองคันมีรอยขูดเล็กน้อย มูลค่าค่าซ่อมเพียง 1,000 บาท

นาย A เลือกซ่อมเอง ไม่แจ้งเคลม → ได้ส่วนลดเบี้ย 20% ปีหน้า

นาย B แจ้งเคลมทันที → ไม่ได้รับส่วนลด และอาจถูกปรับเบี้ยเพิ่ม

ผลคือ นาย A จ่าย 13,000 บาทในปีถัดไป (ค่าซ่อมเอง 1,000 + เบี้ยลด)
แต่นาย B จ่ายอย่างต่ำ 15,000 บาท (ไม่มีส่วนลด + อาจมีค่าความเสี่ยงเพิ่ม)
เท่ากับเสียเงินมากกว่า โดยไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ

🔹 5. เสี่ยงถูก “ยกเลิกประกัน” หากเคลมถี่เกินไป
หลายคนไม่ทราบว่า บริษัทประกันภัยมีสิทธิในการ “ปฏิเสธการต่ออายุ” หรือ “ยกเลิกประกันภัย” ได้ หากพบว่าคุณมีการเคลมผิดปกติบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในกรณีที่ดูเหมือนเป็นการแสวงหาประโยชน์จากประกัน เช่น

แจ้งเคลมทุกครั้งที่รถมีรอยแม้เล็กน้อย

เคลมเพื่อซ่อมสีโดยไม่จำเป็น

มีประวัติเคลมหลายเคสภายในปีเดียว

ผลที่ตามมาคือ ในปีถัดไป คุณอาจไม่ได้รับการต่อสัญญา หรือถ้าจะทำใหม่กับบริษัทอื่น เบี้ยจะสูงขึ้น หรือมีการพิจารณาเข้มข้นกว่าปกติ ซึ่งทำให้เสียโอกาสในการเลือกเงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *