รถจักรยานยนต์เกี่ยวกระจกข้าง เคลมประกันได้ไหม ได้รับความเสียหายทำอย่างไรบ้าง

# รถจักรยานยนต์เกี่ยวกระจกข้าง เคลมประกันได้ไหม? ต้องทำอย่างไรเมื่อเกิดเหตุเฉี่ยวชนแล้วหลบหนี

หนึ่งในเหตุการณ์ที่สร้างความรำคาญใจให้แก่ผู้ขับขี่รถยนต์ไม่น้อยคือ การที่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกระจกมองข้างของรถยนต์แล้วขับหนีไปโดยไม่แสดงความรับผิดชอบ เหตุการณ์เช่นนี้มักเกิดขึ้นบ่อยในบริเวณที่มีการจราจรติดขัด โดยเฉพาะช่วงที่รถจอดติดไฟแดง เมื่อรถจักรยานยนต์พยายามแทรกตัวผ่านช่องระหว่างรถยนต์โดยไม่ระมัดระวัง ทำให้เกิดการเฉี่ยวชนกับตัวถังหรือกระจกข้างของรถยนต์จนได้รับความเสียหาย

สิ่งที่ทำให้สถานการณ์นี้ยุ่งยากมากขึ้นคือ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บางคนไม่มีจิตสำนึกในการรับผิดชอบ เมื่อรู้ว่าทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายก็เลือกที่จะขับหนี ทำให้เจ้าของรถไม่สามารถจดจำหมายเลขทะเบียนหรือรูปลักษณ์ของคู่กรณีได้ทัน ซึ่งเมื่อไม่สามารถระบุข้อมูลของคู่กรณีได้ เหตุการณ์ลักษณะนี้จะถูกจัดเป็น “อุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี” ในมุมมองของบริษัทประกันภัย

เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว เจ้าของรถมักเกิดคำถามว่า “เคลมประกันได้หรือไม่” หรือ “ต้องทำอย่างไรต่อไป” บทความนี้จะอธิบายขั้นตอนและรายละเอียดต่าง ๆ ที่ควรทราบอย่างครอบคลุม เพื่อให้คุณเข้าใจสิทธิของตนเองและสามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้องเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์นี้

## ลำดับขั้นตอนเมื่อเกิดเหตุการณ์รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกระจกมองข้างแล้วหลบหนี

1. **ตรวจสอบความเสียหายของรถยนต์ทันที**

* เมื่อเกิดการเฉี่ยวชน เจ้าของรถควรลงจากรถเพื่อตรวจสอบสภาพของตัวรถ โดยเฉพาะกระจกมองข้างว่ามีรอยร้าว แตก หรือหลุดออกจากตัวรถหรือไม่
* หากเหตุการณ์เกิดขึ้นกลางถนน ควรตั้งสติให้ดีและพิจารณาความปลอดภัยก่อนลงจากรถ

2. **พยายามจดจำลักษณะของรถจักรยานยนต์**

* หากสามารถจดจำป้ายทะเบียน สีรถ รุ่นรถ หรือลักษณะของผู้ขับขี่ได้ แม้เพียงบางส่วน ก็สามารถนำมาใช้ประกอบกับการแจ้งความและแจ้งเคลมได้ในภายหลัง
* หากไม่สามารถจดจำอะไรได้เลย กรณีนี้จะถือว่าเป็นอุบัติเหตุไม่มีคู่กรณีโดยสมบูรณ์

3. **แจ้งเหตุให้บริษัทประกันภัยทราบทันที**

* ผู้เอาประกันควรโทรแจ้งศูนย์บริการเคลมของบริษัทประกันภัยทันทีเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือ ณ จุดเกิดเหตุ
* บางบริษัทประกันภัยมีบริการเคลมด่วนภาคสนาม ซึ่งจะส่งเจ้าหน้าที่มายังที่เกิดเหตุเพื่อถ่ายรูป ตรวจสอบ และแนะนำแนวทางการดำเนินการต่อ

4. **แจ้งความกับสถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุ**

* แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลของคู่กรณี ก็ยังจำเป็นต้องไปแจ้งความและทำบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อใช้ประกอบการเคลม
* เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับแจ้งเหตุและออกเอกสารยืนยันให้ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง เพื่อใช้ส่งมอบให้บริษัทประกันภัย

5. **ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณจุดเกิดเหตุ**

* หากสถานที่ที่เกิดเหตุมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด เช่น บริเวณไฟแดง หน้าร้านค้า หรือเสาไฟถนน เจ้าหน้าที่ประกันหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถประสานงานเพื่อขอดูกล้องย้อนหลัง
* หากสามารถจับภาพหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์หรือหลักฐานที่แสดงตัวตนของคู่กรณีได้ จะสามารถเข้าสู่กระบวนการติดตามตัวผู้กระทำผิดมารับผิดชอบค่าเสียหาย

## สิทธิในการเคลมประกันภัยตามประเภทของประกันที่ทำไว้

ประเภทของประกันภัยรถยนต์ที่คุณเลือกทำไว้ จะมีผลโดยตรงต่อความสามารถในการเคลมกรณีเช่นนี้ ซึ่งสามารถแบ่งรายละเอียดการคุ้มครองออกได้ดังนี้

### ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1

* ประกันภัยประเภทนี้ครอบคลุมทุกความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณี
* กรณีที่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกระจกมองข้างของรถยนต์แล้วหลบหนี และไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นผู้กระทำ สามารถเคลมได้ตามปกติ
* อย่างไรก็ตาม ผู้เอาประกันจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก หรือที่เรียกว่า “ค่า Excess” ตามเงื่อนไขของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งโดยปกติจะอยู่ที่ 1,000 บาทต่อเหตุการณ์
* แต่หากสามารถนำหลักฐานมายืนยันตัวตนของคู่กรณีได้ เช่น ภาพจากกล้องหน้ารถ หรือกล้องวงจรปิด ซึ่งสามารถนำไปสู่การติดตามตัวผู้กระทำความผิด บริษัทประกันอาจ **ละเว้นการเรียกเก็บค่า Excess** ได้ตามดุลยพินิจและหลักฐานที่มี

### ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ และ 3+

* เป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองในกรณีรถชนกับยานพาหนะทางบกที่สามารถระบุตัวคู่กรณีได้
* หากไม่สามารถระบุทะเบียนรถจักรยานยนต์หรือผู้กระทำผิดได้ กรณีนี้จะ **ไม่สามารถเคลมได้**
* บริษัทประกันจะไม่รับผิดชอบค่าเสียหายใด ๆ เนื่องจากเงื่อนไขของกรมธรรม์ระบุไว้ชัดเจนว่าต้องสามารถระบุคู่กรณีได้

### ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 และ 3 (ธรรมดา)

* ไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับตัวรถของผู้เอาประกันภัยเลย
* ประกันภัยชั้น 2 และ 3 จะให้ความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายที่คุณเป็นฝ่ายผิดและทำให้ทรัพย์สินของบุคคลภายนอกเสียหายเท่านั้น
* กรณีรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกระจกแล้วหลบหนี จะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทประกันภัยได้เลย

## ความสำคัญของกล้องติดหน้ารถและพยานหลักฐานอื่น ๆ

กล้องติดหน้ารถ (Dash Cam) ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มีหลักฐานในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่มีหรือไม่มีคู่กรณีก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อเกิดกรณีเฉี่ยวชนแล้วหลบหนี กล้องหน้ารถสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ พร้อมจับภาพทะเบียนรถของคู่กรณีได้อย่างชัดเจน ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี หรือยืนยันสิทธิในการเคลมประกันโดยไม่ต้องเสียค่า Excess

ในกรณีที่ไม่มีการติดตั้งกล้องหน้ารถ อาจพิจารณาขอความร่วมมือจากพยานบุคคลในพื้นที่ เช่น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พนักงานร้านค้า หรือผู้ขับขี่รถคันอื่นที่เห็นเหตุการณ์ เพื่อยืนยันความถูกต้องของเหตุการณ์และช่วยให้การเคลมประกันราบรื่นมากยิ่งขึ้น

## แนวทางป้องกันและคำแนะนำเพิ่มเติม

* ผู้ขับขี่ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษขณะขับขี่ในพื้นที่การจราจรติดขัด หรือขณะจอดติดไฟแดง ซึ่งเป็นช่วงที่รถจักรยานยนต์มักแทรกตัวระหว่างเลน
* ติดตั้งกล้องติดหน้ารถและกล้องข้างรถให้ครอบคลุมทุกมุม เพื่อให้สามารถบันทึกเหตุการณ์ได้อย่างครบถ้วน
* ทำประกันภัยรถยนต์ประเภทที่ให้ความคุ้มครองสูงสุดตามลักษณะการใช้งานของตน โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องขับขี่ในเขตเมืองหรือเส้นทางที่มีความเสี่ยงสูง
* หากเกิดเหตุแล้วไม่สามารถติดตามคู่กรณีได้ ควรหลีกเลี่ยงการ “หาคนมารับผิดแทน” เพราะถือเป็นการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จและอาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายในภายหลัง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *