ประกันภัยรถยนต์และ พรบ. เป็นสองสิ่งที่หลายคนมักจะสับสน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองรถยนต์ แต่มีความแตกต่างกันชัดเจน การทำความเข้าใจถึงความแตกต่างนี้ จะช่วยให้คุณเลือกประกันภัยได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณ
ประกันภัยรถยนต์ และ พรบ. (พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ) มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในด้านความคุ้มครองและความเป็นภาคบังคับ ดังนี้:
พรบ. (พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ)
- ลักษณะ: เป็นประกันภัยภาคบังคับที่กฎหมายกำหนดให้รถทุกคันต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์
- ความคุ้มครอง: พรบ. คุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคลที่ประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์ (ทั้งคนขับ ผู้โดยสาร หรือบุคคลภายนอก)
- ไม่คุ้มครอง: ความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกัน
- จุดประสงค์: ให้การคุ้มครองและช่วยเหลือทางการแพทย์แก่ผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีประกันภัยอื่นๆ
- ความจำเป็น: ผู้ครอบครองรถทุกคนต้องทำพรบ. หากไม่ทำ จะไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ได้ และยังอาจถูกปรับหรือดำเนินคดีตามกฎหมาย
- ลักษณะ: เป็นประกันภัยภาคสมัครใจ เจ้าของรถสามารถเลือกที่จะทำหรือไม่ทำก็ได้
- ความคุ้มครอง: ให้ความคุ้มครองที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับประเภทของประกัน เช่น
- คุ้มครองความเสียหายต่อรถของผู้เอาประกัน: กรณีเกิดอุบัติเหตุ ภัยธรรมชาติ หรือการโจรกรรม (ประกันชั้น 1)
- คุ้มครองความเสียหายต่อบุคคลภายนอก: ทั้งด้านทรัพย์สินและความเสียหายต่อร่างกาย (ประกันชั้น 3, 3+)
- คุ้มครองทั้งสองฝ่าย: กรณีอุบัติเหตุทั้งตัวรถของผู้เอาประกันและคู่กรณี (ประกันชั้น 2+, 1)
- ไม่คุ้มครอง: ขึ้นอยู่กับประเภทประกัน บางประกันอาจไม่ครอบคลุมความเสียหายจากการชนโดยไม่มีคู่กรณี (ประกันชั้น 2+, 3+)
- จุดประสงค์: ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น ลดภาระค่าใช้จ่ายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ความเสียหาย หรือสูญหาย
- ความจำเป็น: แม้จะไม่บังคับตามกฎหมาย แต่ประกันภัยรถยนต์สามารถช่วยลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายหากเกิดอุบัติเหตุได้
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่าง

เลือกแบบไหนดี?
- พรบ. เป็นสิ่งจำเป็นเพราะกฎหมายบังคับ แต่ให้ความคุ้มครองเฉพาะด้านร่างกายและสุขภาพเท่านั้น
- ประกันภัยรถยนต์ สามารถเลือกทำได้ตามความต้องการ ขึ้นอยู่กับงบประมาณ ความเสี่ยง และสภาพของรถ เช่น
- ประกันชั้น 1 สำหรับรถใหม่หรือผู้ที่ต้องการความคุ้มครองครอบคลุมทุกด้าน
- ประกันชั้น 2+ หรือ 3+ สำหรับรถที่เก่าขึ้น หรือผู้ที่ต้องการลดค่าเบี้ยประกัน แต่ยังคงได้รับความคุ้มครองในกรณีอุบัติเหตุ
- ประกันชั้น 3 สำหรับรถเก่าหรือผู้ที่ใช้งานรถน้อย และต้องการความคุ้มครองเฉพาะบุคคลภายนอก
สรุปความแตกต่าง
- พรบ.: เป็นประกันภาคบังคับ เน้นคุ้มครองชีวิต ร่างกาย และการรักษาพยาบาลของผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุบนท้องถนนเท่านั้น
- ประกันภัยรถยนต์: เป็นประกันภาคสมัครใจ ที่ครอบคลุมทั้งความเสียหายต่อตัวรถ ทรัพย์สิน และบุคคลภายนอก ซึ่งสามารถเลือกได้ตามประเภทประกัน
การเลือกประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสม ควรพิจารณาจาก งบประมาณ, สภาพรถ, และ ความเสี่ยงในการใช้งาน ของคุณ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการได้ดีที่สุด
easy insure ยินดีให้บริการค่ะ!