ใครที่เป็นมือใหม่หัดขับคงจะรู้สึกเหมือนกันใช่ไหมครับว่าอะไรๆ ก็ดูจะไม่ถนัดไปเสียหมดจะขับรถไปทางไหนก็ดูจะตื่นเต้นจนตะกุกตะกัก วันนี้ผมมีเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยให้มือใหม่ทั้งหลายคุ้นเคยกับรถของตัวเอง
จนสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นและขับขี่ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
- จัดท่านั่งให้เหมาะสม
หลาย ๆ คนที่เป็นมือใหม่มักจะชอบนั่งจนชิดพวงมาลัยเกินไป เพราะอยากมองเห็นถนนข้างหน้าในมุมที่กว้างที่สุด ซึ่งเป็นท่านั่งที่ผิดเพราะมันทำให้นั่งไม่สบายขับไกล ๆ เมื่อยแย่ อย่าลืมว่าสมัยนี้เบาะนั่งคนขับรวมทั้งพวงมาลัยของรถสามารถปรับได้ทุกทิศทาง ท่านั่งที่ดีควรนั่งสบายก้นเต็มเบาะหลังเต็มพนักพิง องศาของพนักพิงหลังไม่ตั้งตรงหรือเอนไปข้างหลังจนเกินไป แขนขาเหยียดเกือบสุดงอเล็กน้อย
- จับพวงมาลัยอย่างมั่นคงด้วยมือทั้งสอง
การจับพวงมาลัยที่ถูกต้องควรอยู่ในตำแหน่ง มือซ้ายตรงตำแหน่ง 9 นาฬิกา และมือขวาตรง 3 นาฬิกา การบังคับเลี้ยวจะทำได้คล่องตัวที่สุด ไม่ควรจับอยู่ตรงด้านล่างของพวงมาลัยเพื่อคลายความเมื่อยล้า
- ไม่เหยียบเบรกพร้อมกับการเหยียบคลัตช์
หลายคนกลัวเครื่องยนต์ดับกลางคันเมื่อเหยียบเบรกเลยต้องรีบเหยียบคลัตช์ทันที มันทำให้เครื่องยนต์ขาดแรงจากที่จะช่วยชะลอความเร็ว และต้องอาศัยแรงจากเบรกมากขึ้นอาจทำให้เสียการควบคุมได้ง่าย
- ไม่ใช้วิธีลดเกียร์ช่วยเสริมแรงเบรกหรือเอนจิ้นเบรก
คำสอนผิด ๆ ที่ใช้กันมาตลอดก็คือ เมื่อจะชะลอความเร็วให้เชนจ์เกียร์ลงต่ำเพื่อให้เครื่องยนต์เป็นตัวเบรก จริง ๆ แล้วมันก็ช่วยได้แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ในทุกครั้งที่ต้องการ เพราะจะทำให้เครื่องยนต์และระบบเกียร์สึกหรอไปเปล่า ๆ ใช้วิธีแตะเบรกเอาก็ได้ การใช้เอนจิ้นเบรกหรือการลดเกียร์ลงต่ำ ควรไว้ใช้ในเวลาขับรถลงทางลาดชันเป็นระยะทางยาวๆ เท่านั้น ซึ่งมันจะช่วยละความร้อนสะสมที่จานเบรกและปั๊มเบรกได้
- กลัวรถไหลเมื่อต้องหยุดบนทางชัน
ปัญหานี้มักจะเกิดกับรถเกียร์ธรรมดา แก้ง่าย ๆ ด้วยการ ดึงเบรกมือไว้เมื่อรถหยุดบนทางชัน และควรเหยียบเบรกควบคู่กันด้วย เมื่อจะออกตัวก็เหยียบคลัตช์แล้วเข้าเกียร์ และค่อยๆ ถอนคลัตช์พร้อมกับกดคันเร่งรักษารอบ พอรู้สึกว่าคลัตช์เริ่มจับแล้ว ก็ให้แตะคันเร่งเพิ่มเล็กน้อยพร้อมปลดเบรกมือ พร้อมถอนคลัตช์ขึ้นอย่างต่อเนื่อง หมั่นฝึกฝนบ่อย ๆ ให้รู้จังหวะเดี๋ยวก็ชำนานจนเป็นอัตโนมัติไปเองครับ
สำหรับ 5 ข้อที่แนะนำไป ก็ลองเอาไปใช้ดูนะครับ เชื่อว่าไม่นานคุณจะเป็นนักขับที่ดีได้
ไม่ต้องกลัว ถ้าเราเกิดอุบัติเหตุอย่างน้อยๆ เราก็มี ประกันภัยรถยนต์ คอยช่วยเหลือเรา